พระเจ้าทรงเรียกผู้รับใช้ของพระองค์เพื่อให้พันธกิจของพระองค์สำเร็จในโลกนี้่ พระองค์ทรงเรียกมนุษย์ให้มารับหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำพาให้มนุษย์ชาติทั้งหลายได้พ้นจากความบาป และกลับมาสู่ความบริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าทรงมีตระเตรียมแผนการที่ดีและวางแผนอย่างเหมาะสมในการเลือกสรรบุคคลที่จะเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงเรียกมนุษย์ให้มาเป็นผู้รับใช้และร่วมงานกับพระองค์ตามสถานภาพที่เขาเป็นอยู่ เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงเรียกโมเสสในขณะที่เขากำลังเลี้ยงฝูงแกะฝูงแพะ ซึ่งนั่นคืออาชีพหลักของเขา
ถ้าหากพระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะเรียกเราให้เป็นผู้รับใช้และร่วมงานกับพระองค์ พระองค์ก็จะทรงเรียกเราได้ทั้งโดยเหตุการณ์ที่เป็นอัศจรรย์เหนือธรรมชาติ และโดยเหตุการณ์ปกติทั่วไป โดยที่พระวิญญาณของพระเจ้าจะทรงตรัสผ่านจิตใจของเราให้สำนึกถึงพระคุณของพระองค์ ความรู้สึกที่ร้อนรนจะนำข่าวประเสริฐไปบอกให้คนอื่นได้รับรู้ถึงพระคุณของพระองค์ ความรู้สึกนี้จะบังเกิดขึ้นเองด้วยแรงกระตุ้นภายในที่มาจากการเชื่อในพระวจนะของพระองค์ ดังนั้นมนุษย์เองจึงจะต้องเป็นผู้เลือกว่าจะตอบสนองต่อการทรงเรียกนั้นอย่างไร.
พระเจ้าทรงรู้จักเราแต่ละคนเป็นอย่างดีตั้งแต่เรายังไม่ก่อกำเนิดด้วยซ้ำ พระองค์ทรงตระเตรียมชีวิตของเราแต่ละคนอย่างเฉพาะเจาะจงมิใช่เพื่อประโยชน์ของเราเอง แต่เพื่อแผนการของพระองค์ที่ตระเตรียมเอาไว้สำหรับโลกนี้ พระองค์ทรงประทานมนุษย์แต่ละคนไว้เพื่องานของพระองค์ในโลกนี้ซึ่งแต่ละคนนั้นไม่มีใครสามารถทดแทนกันได้ แต่จะเป็นการทำงานที่ประสานกันเป็นกายเดียวกัน เหมือนที่พระเจ้าทรงเรียกโมเสสเพื่ือนำชนชาติอิสราเอลออกมาจากอิยิปต์ แต่โมเสสก็ไม่ได้รับการทรงเรียกให้เป็นมหาปุโรหิต ดังนั้นในฐานะผู้เชื่อจะต้องแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ทรงมีต่อชีวิตของเรา เพื่อการรับใช้พระองค์ในโลก และนำความรอดไปสู่โลกที่มืดมนไปด้วยความบาปและกำลังจะพินาศนี้
โมเสสได้รับการทรงเรียกมาเป็นผู้รับใช้และร่วมงานกับพระองค์โดยเฉพาะ เพื่อการแบ่งแยกที่บริสุทธิ์ ซึ่งไม่ได้หมายเพียงว่าการปราศจากมลทินจากความชั่วร้ายเท่านั้น แต่ยังหมายถึงเป็นการสำแดงความบริสุทธิ์ของพระเจ้าด้วย ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าโมเสสมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระเจ้าเท่านั้น มิใช่มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง ผู้เชื่อทุกคนได้รับการทรงเลือกและเรียกจากพระเจ้าเขาจะไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองแต่เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า เพราะทุกอย่างที่เขาได้รับในโลกนี้คือสิ่งทีพระเจ้าทรงตระเตรียมไว้ให้เขา เพื่องานของพระองค์จะได้สำเร็จในชีวิตของเขา
เมื่อพระเจ้าทรงเรียกผู้รับใช้ผู้ใด พระองค์มิได้ปล่อยให้ผู้นั้นดำรงชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวหรืออ้างว้าง แต่พระองค์จะทรงสนับสนุนและดูแลเขาเป็นอย่างดี พระองค์ทรงยืนอยู่ข้างโมเสสและสำแดงให้เห็นหลายต่อหลายครั้งว่าพระองค์ทรงสถิตอยู่ด้วย ดังนั้นเพื่อให้เราได้รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างเต็มกำลังความสามารถ พระองค์สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเรา และจะช่วยเหลือเรา ไม่ทอดทิ้งเรา สนับสนุนเราอยู่เสมอ และเมื่อเราได้ทำอย่างดีที่สุดในการรับใช้พระองค์แล้ว พระองค์จะตรัสว่า “นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’” มัทธิว 25 : 21
ด้วยเหตุนี้ในฐานะผู้เชื่อของพระเจ้าท่านสามารถนำข่าวประเสริฐไปสู่คนทั้งหลายได้ด้วยหลากหลายวิธีการ มิใช่โดยการเป็นผู้ที่ดีรอบคอบครบถ้วนเสียก่อน แต่ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นและตรงสู่พระเจ้า ท่านสามารถบอกถึงความรักของพระองค์ที่่ทรงมีต่อท่านและครอบครัวให้กับทุก ๆ คนได้รับทราบได้ตลอดเวลา เช่น การอธิษฐานเผื่อ, การสำแดงความรัก, การพูดถึงพระคุณของพระองค์ที่ทรงประทานแก่ท่าน ฯลฯ การกระทำเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการสร้างความมั่นใจที่ท่านมีต่อพระเจ้า และขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงตัวอย่างชัดเจนว่า ท่านอยู่ฝ่ายพระเจ้าที่พร้อมจะรักทุก ๆ คน มิใช่มีพระเจ้าเพียงแค่ในจิตใจเท่านั้นแต่ยังสำแดงออกด้วยการกระทำด้วย