ครอบครัวเป็นสถาบันที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลที่สุดต่อชีวิตของเด็กๆ บ้านเป็นที่หล่อหลอมบุคลิกและอุปนิสัย แม้ว่าอารมณ์ของเด็กๆเองจะสืบทอดผ่านพันธุกรรมได้ แต่อารมณ์ของเด็กๆนั้นยังขึ้นกับสภาพครอบครัวและวิถีการอบรมเช่นกันไม่น้อย
เด็กที่เติบโตจากครอบครัวที่ไม่สนใจเขา มีพ่อแม่ที่ดื้อดึงต่อต้านกฎหมาย เมื่อเด็กคนนี้เติบโตขึ้น เขาจะมีแนวโน้มจะเป็นคนที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่น แต่เด็กที่เติบโตในบ้านที่เต็มไปด้วยความรัก ได้รับคำชมเมื่อประพฤติดี และสอนให้เคารพกฎหมาย ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่จะเกิดผลและบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม
เราลองมาดูครอบครัวที่จะถูกยกตัวอย่าง สองครอบครัวต่อไปนี้ คือ ครอบครัวของ แม๊กซ์ จู๊กส์ และ ของ โจนาธาน เอ็ดเวิร์ดส์ ให้อุทาหรณ์ที่น่าตกใจแห่งความตรงกันข้ามนี้
แม๊กซ์ จู๊กส์ อาศัยในรัฐนิวยอร์ค เขาไม่เชื่อการอบรมของคริสเตียน แต่งงานกับหญิงที่มีลักษณะคล้ายเขา คู่สมรสคู่นี้มีลูกหลานสืบสายมา 1026 คน ปรากฏว่า 300 คนจากคนจำนวนนี้ตายก่อนกำหนด 100คน ถูกส่งเข้าสถานดัดสันดานอยู่ประมาณ 13ปีเฉลี่ยต่อคน 190คน กลายเป็นโสเภณีและ 100คนเป็นคนขี้เมา ถ้าเราใช้สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน รัฐบาลต้องเสียเงินกว่า 6ล้านเหรียญสหรัฐในการแก้ไขปัญหาที่ครอบครัวนี้ก่อขึ้น และไม่มีบันทึกใดที่แสดงว่าครอบครัวนี้ทำประโยชน์ต่อสารธารณะเลย
โจนาธาน เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้ที่อยู่ในรัฐเดียวกัน แต่เชื่อในการอบรมแบบคริสเตียนและแต่งงานกับหญิงที่คล้ายเขา ได้มีการศึกษาและพบว่า ลูกหลาน 729คนจากตระกูลนี้ 300คนเป็นนักเทศนา 65คนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย 13คนเป็นประธานมหาวิทยาลัย 60คนเป็นนักประพันธ์หนังสือ 3คนเป็นสมาชิกรัฐสภา และ1คนเป็นรองประธานาธิบดี การบำเพ็ญประโยชน์ของครอบคัวนี้ที่มีต่อสหรัฐอเมริกาไม่สามารถประเมินค่าได้
ตระกูลเอ็ดเวิร์ดส์เป็นตัวอย่างของครอบครัวที่ได้รับการอบรมในแนวทางของคริสเตียนตามหลักการของพระคัมภีร์ที่ว่า
“จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น” สุภาษิต 22:6แม้ว่าโทรทัศน์และการศึกษาจะมีอิทธิพลต่อค่านิยม ศีลธรรม หรือนิสัยของลูก แต่ไม่มีสิ่งใดจะมีอิทธิพลมากกว่าและครอบครัว