พระคัมภีร์อธิบายว่า การเป็นภรรยาที่ดีนั้นควรยอมฟังสามี ไม่เห็นแก่ตัว ดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์และเป็นที่น่านับถือ หมายถึง เธอจะไม่พูดหรือทำอะไรทำให้สามีอึดอัด ขายหน้า เสื่อมเสีย แต่เธอจะห่วงใย เสริมสร้าง มีชีวิตที่วางใจได้ เพราะภรรยาที่ดีจะสัตย์ซื่อต่อสามีทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ส่วนเรื่องการแต่งกายของภรรยา พระคัมภีร์แนะนำว่า หญิงงามคือ หญิงที่มีความงดงามและมีสง่าราศีภายใน เป็นธรรมดาที่ผู้หญิงทั่วไปอยากจะสวย อยากทันสมัย และดูดีในสายตาของคนอื่น แต่ไม่ควรให้มากเกินไป สาว ๆ บางคนแต่งกายรัดรูป เน้นส่วนสัด เปิดตรงนั้น เว้าตรงนี้ เย้ายวนไปในทางเพศ น่าเสียดาย เพราะผู้หญิงเหล่านั้น ไม่เข้าใจถึงคุณค่าของความเป็นผู้หญิงอย่างแท้จริง นั่นเอง
แรดตัวเมียมันหาคู่อย่างไร ธรรมชาติของแรดเป็นสัตว์ที่มีสายตาสั้น เมื่อแรดตัวเมียเห็นแรดตัวผู้ที่มันชอบ มันจะก้าวถอยหลังก่อน แล้วจึงวิ่งตรงรี่เข้าใส่ด้วยความเร็วประมาณ 50 กม./ชม. โดยมันจะพุ่งเข้าชนที่สีข้างของตัวผู้เพื่อให้ล้มลง จากนั้นแรดตัวเมียก็จะเริ่มปฏิบัติการโดยเข้าไปทั้งเตะ ถีบจนแรดตัวผู้ ช้ำระบมไปหมด นี่เป็นวิธีสื่อให้แรดตัวผู้ ได้รู้ว่า เธอรักเขาจริง ๆ
สำหรับคุณสุภาพสตรีที่น่ารัก ไม่สมควรจะทำเช่นนั้นกับผู้ชายที่เป็นแฟนของตน แต่ควรปฏิบัติด้วยความนุ่มนวล สุภาพอ่อนโยนและมีความเมตตากรุณา เพราะสิ่งเหล่านี้คือ คุณลักษณะที่ดีของสุภาพสตรี เธอควรพัฒนาความงามภายในที่แสดงออกด้วยความเป็นกุลสตรี มีความสุภาพอ่อนน้อม รู้จักคิดอย่างสร้างสรรค์และแสดงออกด้วยเหตุผล มีผู้ชายน้อยมากที่อยากได้หญิงก้าวร้าว ชอบสั่งการแบบทหารมาเป็นภรรยา
ภรรยาไม่ควรเป็น ผู้บัญชาการทหารแต่ควรเป็น ผู้บริหารที่บ้าน ด้วยความสุภาพอ่อนน้อม
คุณสุภาพสตรีที่กำลังทำบทบาทของภรรยาอยู่ ควรจะนำคำแนะนำเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตตน
ลองตั้งคำถามกับตัวเองและตอบในใจดูว่า ฉันได้ยอมเชื่อฟังสามีทุกประการด้วยความยินดีหรือไม่ ฉันได้ให้เกียรติสามีทั้งต่อหน้าและลับหลังหรือไม่ ฉันแสดงออกถึงจิตใจที่สงบและสุภาพอ่อนโยนต่อสามี รวมทั้งคนอื่นๆในครอบครัวหรือไม่ ในพระคัมภีร์กล่าวว่า บรรดาสตรีผู้ทรงศีลในครั้งโบราณนั้น ผู้ซึ่งเชื่อในพระเจ้า ก็ได้ประดับกายเช่นนั้นและเชื่อฟังสามีตน เช่นนางซาราห์เชื่อฟังอับราฮัม และเรียกท่านว่านาย ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติดีและไม่มีความหวาดกลัวสิ่งใด ท่านก็เป็นบุตรของนาง นั่นคือ เป็นภรรยาที่ดีและมีคุณสมบัติงดงาม
ในพระคัมภีร์ สาวกคนหนึ่งของพระเยซู ชื่อเปโตร ได้คำนึงถึงสถานะการณ์เหล่านี้ ขณะที่เขาเขียนถึงลักษณะภรรยาที่ดี รวมทั้งกรณีที่สามียังไม่เป็นคริสเตียน เขาได้ให้คำแนะนำง่าย ๆ เพียงขอให้เป็นภรรยาที่ดีเท่านั้น ทำเพียงแค่นี้แหละ จะเป็นคำพยานเงียบ ๆ ดุจคลื่นใต้น้ำ ซึ่งอาจจะนำสามีมาถึงพระเจ้าได้เป็นอย่างดี
ผู้ที่เป็นภรรยาควรคิดด้วยว่า ฉันยอมเชื่อฟังสามีหรือเปล่า ฉันอยากให้สามีฟังความคิดเห็นของฉันมากขึ้นไหม ฉันเข้าใจวิธีอบรมสั่งสอนลูกดีกว่าสามี คุณคิดอย่างนั้นไหม ฉันคิดว่า มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้สามีรู้สึกว่าเขาเป็นผู้นำแม้ว่าส่วนใหญ่ฉันเองเป็นคนวางแผน คุณเคยคิดหรือไม่ว่า สมัยนี้หมดยุคแล้ว ไม่ควรคาดหวังว่าภรรยาจะต้องเชื่อฟังสามี เมื่อคุณรู้ว่าสามีมีบทบาทเป็นผู้นำในครอบครัว มันทำให้คุณรู้สึกมั่นคงยิ่งขึ้นหรือเปล่า คุณเคยคิดอยากให้สามีมีส่วนในการดูแลเรื่องการเงินมากขึ้นหรือไม่ คุณคิดเช่นนี้เสมอ หรือคิดเป็นบางครั้ง หรือไม่เคยคิดเลย อยากเชิญชวนให้ผู้ที่เป็นภรรยา นำคำถามและคำตอบของคุณ ไปคิดพิจารณาและนำไปประยุกต์ใช้ในครอบครัว เพื่อคุณจะสร้างสรรค์ครอบครัวให้มีความสงบสุขและมีความมั่นคงอย่างแท้จริง
แล้วพระคัมภีร์ละได้กล่าวถึงบทบาทของสามีไว้อย่างไร พระคัมภีร์กล่าวว่า “ ท่านทั้งหลายที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจในเธอ จงให้เกียรติแก่ภรรยา เพราะเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า และเพราะท่านทั้งสองได้รับชีวิตอันเป็นพระคุณเป็นมรดกเพื่อคำอธิษฐานของท่านจะไม่มีอุปสรรคขัดขวาง” (1 ปต. 3:7)
การอธิษฐานของคู่สมรสจะไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ก็ต่อเมื่อชีวิตคู่ของเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าด้วย
ในสังคมกรีกสมัยของพระเยซูคริสต์ ผู้หญิงที่มีฐานะและเป็นที่นับถือในสังคมจะเก็บตัวเงียบ เธอจะตัดการสังสรรค์ ไม่ร่วมคบหาสมาคมกับใคร ไม่ออกไปรับประทานอาหารกับคนอื่น ไม่เดินตามถนนคนเดียว หรือมีบทบาทในที่สาธารณะ ผู้ชายแต่ละคนมีที่พักส่วนตัว ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงหรือภรรยาเข้าไป นอกจากสามีเพียงคนเดียว ด้วยเหตุนี้ครอบครัวสมัยนั้นจึงไม่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันในชีวิตสมรสเลย เรื่องนี้ในสังคมไทยบ้านเรา ก็อาจจะ มีสโมสรหรือคลับบางแห่งไม่อนุญาตให้ภรรยาเข้าไปได้ ยกเว้นผู้ชายเท่านั้น นี่แหละที่เป็นปัญหากระทบต่อความสัมพันธ์ของสามีภรรยาในครอบครัว และทำให้ครอบครัวขาดความมั่นคง
ในพระคัมภีร์ ได้ให้คำแนะนำที่มีคุณค่ามาก โดยกล่าวถึงหลัก 3 ประการที่สามีควรจะทำ นั่นก็คือ
- สามีต้องเข้าใจ มีความไวต่อความรู้สึกและอารมณ์ของภรรยา สามีควรพยายามรู้ถึงความต้องการ และตอบสนองต่อภรรยาอย่างดีที่สุดด้วยท่าทีเต็มใจ และไม่เห็นแก่ตัว
- สามีต้องคอยปกป้องภรรยา ตระหนักว่า เธอไม่ได้มีร่างกายแข็งแรง บึกบึนเหมือนตน ไม่ปล่อยให้เธอทำงานหนักเกินไป ควรรู้ว่าเมื่อใดจะพาเธอไปพักผ่อนโดยไม่ต้องเอาลูกไปด้วย (ซึ่งเป็นผลดี ที่ทั้งคู่จะใช้เวลาพูดคุยเป็นการส่วนตัว) ไม่ปล่อยให้ใครแสดงกริยาไม่นับถือภรรยาแม้แต่ลูก ๆ ของตน
- ภรรยามีสิทธิฝ่ายจิตวิญญาณเท่าเทียมสามี เพราะว่า ทั้งคู่จะได้รับมรดกในพระคุณของพระเจ้าร่วมกัน พระเจ้าทรงรักผู้ที่เป็นภรรยาเท่ากัน กับที่พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นสามี
เพื่อสามีจะนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตคุณ สามีควรตั้งคำถามและตอบตัวเองว่า ตัวคุณเองเป็นอย่างไร
คุณได้แสดงบทบาทอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับภรรยาหรือเปล่า เช่น ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจภรรยาด้วยความเข้าใจหรือไม่ ให้เกียรติและปกป้องเธออย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง ได้ปฏิบัติต่อภรรยาในฐานะที่เธอเท่าเทียมกับผมอย่างแท้จริงหรือไม่ และยังคงรักเธออยู่เสมอและรักมากขึ้นหรือไม่ ? ผู้ที่เป็นสามี ตัดสินใจอย่างไรกับบทบาทที่ตนเองเป็นอยู่ในขณะนี้ ลองตรวจสอบความรู้สึกที่อยู่ในใจ ว่า คุณยอมรับฟังความคิดเห็นของภรรยาได้อย่างสบาย ๆหรือเปล่า หรืออยากให้ภรรยาฟังความคิดเห็นของคุณมากกว่านี้ คุณพยายามพูดย้ำให้ภรรยาฟังเรื่องใครเป็นผู้นำในบ้านหรือเปล่าเพราะกลัวว่าภรรยาจะมาทำหน้าที่แทน
ควรเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ตัวคุณเองก่อน คุณอาจเห็นจุดที่ต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ บางทีง่ายกว่าที่คิดว่าให้อีกฝ่ายหนึ่งเปลี่ยน สำหรับคุณที่เป็นสามีจะทำอย่างไร อย่าเริ่มจากคู่สมรสของคุณแต่ให้ เริ่มที่ตัวเองก่อน เพราะในวันแต่งงานนั้น คุณไม่ได้ปฏิญาณว่า จะสอน จะปรับปรุงหรือแก้ไขเธอให้ดีขึ้น แต่คุณได้สัญญาหรือปฏิญาณว่า จะรักเธอ จะเลี้ยงดูและทะนุถนอมเธอไว้ในดวงใจ สัญญาว่าจะเป็นสามีที่ดีและซื่อสัตย์ต่อเธอเสมอ ฉะนั้น อย่ามัวแต่คิดว่า ภรรยาเป็นคู่สมรสที่เหมาะสมหรือไม่
สิ่งที่เราควรคิดก็คือ แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดี เมื่อทราบข้อแนะนำข้างต้นแล้วพร้อมกับคู่สมรส ได้ตอบคำถาม และแลกเปลี่ยนทัศนคติกัน คุณก็จะเข้าใจถึงการสื่อสารที่ดีขึ้นในระดับหนึ่ง ลองตอบคำถามหรือเขียนลงในสมุดบันทึกส่วนตัว
- บรรยายท่าทีหรือการกระทำที่คุณต้องการเปลี่ยน อยากเอาชนะคนอื่น ถือว่าวิธีการตนดีที่สุด
- บอกเหตุผลที่คุณต้องการเลิกทำเช่นนั้น และการเปลี่ยนแปลงนี้มีความหมายสำหรับคุณอย่างไร
แรงจูงใจของคุณในการเปลี่ยนแปลงสำคัญมาก และอะไรคือเหตุผลที่สำคัญ
มีวิธีใดบ้าง ที่จะเปลี่ยนแปลงท่าทีหรือการกระทำเหล่านั้นให้บรรลุผลสำเร็จ ก่อนหน้านี้คุณมีท่าทีอย่างไรต่อการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ลองคิดและทำในแง่บวก แล้วบอกว่า คุณจะรักษาทัศนะคติใหม่นี้ไว้ได้อย่างไร
เมื่อเลิกท่าทีหรือการกระทำที่ไม่ชอบ คุณอาจจะรู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่า ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้หันกลับไปทำสิ่งเก่าๆอีก ลองหาท่าทีในทางบวกมาแทนท่าทีทางลบ ให้เขียนท่าทีทางบวกนั้นออกมา และหาวิธีที่ดีที่สุดมาช่วยแก้ปัญหาต่างๆ และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคุณ