เอเสเคียล 34:26 เราจะทำให้พวกเขากับสถานที่รอบๆ เนินเขาของเราเป็นแหล่งพร เราจะส่งฝนลงมาตามฤดูกาล เป็นห่าฝนแห่งพร
เศคาริยาห์ 10:1 จงขอฝนจากพระยาห์เวห์ ในช่วงเวลาฝนชุกปลายฤดู ขอจากพระยาห์เวห์ผู้ทรงปั้นเมฆพายุ ผู้ประทานสายฝนแก่มนุษย์และผักหญ้าในทุ่งนาแก่ทุกคน
เอเฟซัส 1:3 สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ประทานพรฝ่ายจิตวิญญาณทุกอย่างแก่เราในสวรรค์สถานโดยพระคริสต์
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาในเอเสเคียล 34:26 ว่าพลไพร่ของพระองค์ไม่เพียงจะได้พระพรของพระองค์เท่านั้น แต่พระองค์ยังทำให้พวกเขากลายเป็นแหล่งแห่งพระพรอีกด้วย ถ้าเรามีสันติสุขจากพันธสัญญาของพระองค์ เราก็จะมีพระพรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามมาด้วยทันที
ก่อนอื่นใดตัวเราเองจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับสันติสุขจากพระพรขององค์พระผู้เป็นเจ้า จากนั้น พระองค์จะทำให้เรากลายเป็นแหล่งกำเนิดแห่งพระพรให้กับผู้อื่น เพื่อให้ผู้อื่นได้รับพระคุณของพระองค์ผ่านทางเราด้วย.
ท่านจะไม่ขาดน้ำธำรงชีวิตเลยเพราะว่าไม่เพียงมีแม่น้ำแห่งชีวิต แต่ยังมีน้ำพุแห่งชีวิตอีกด้วย ท่ามกลางการนมัสการในคริสตจักรของพระเจ้านั้น หลายครั้งที่เราสัมผัสได้ถึงการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางการนมัสการนั้น บางครั้งแม้จะเลิกประชุมกลับไปถึงบ้านแล้วเราก็อาจจะยังรู้สึกว่าสายฝนแห่งพระพรของพระเจ้ายังคงมาถึงเราอยู่ และนี่ก็คือสัญลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระพรขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นได้อยู่กับทุกคริสตจักรเสมอ พระองค์ผู้ทรงเป็นแหล่งแห่งพระพรได้ทรงประทานพระพรตามเวลาและฤดูกาลอยู่เสมอ
เอเสเคียล 34:27 ได้บอกกับเราว่า “ต้นไม้ในทุ่งจะเกิดผล และพื้นดินจะเกิดผลผลิต พวกเขาจะอยู่อย่างปลอดภัยในแผ่นดินของเขา” สายฝนทำให้ต้นไม้เกิดผล และทำให้ดินมีผลิตผลที่อุดมสมบูรณ์ กรณีนี้ก็บ่งบอกว่าเรามีอาหารฝ่ายวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์ด้วย ซึ่งทำให้ไม่เพียงตัวเราที่ได้รับพร แต่ยังสามารถแบ่งปันพระพรนั้นไปยังผู้อื่นได้ด้วย เนื่องจากคริสตจักรของพระเจ้านั้นจะต้องเป็นแหล่งแห่งพระพรฝ่ายจิตวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์ ดังนั้นในท่ามกลางคริสตจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไม่กันดารอาหารฝ่ายจิตวิญญาณ
เอเฟซัส 1:3 กล่าวว่า “สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ประทานพรฝ่ายจิตวิญญาณทุกอย่างแก่เราในสวรรค์สถานโดยพระคริสต์” พระเจ้าทรงอวยพรเราด้วยถ้อยคำที่งดงามของพระองค์ ซึ่งถ้อยคำเหล่านี้ล้วนเป็นพระพรของเราในทุกประโยค และข้อ 4–14 ก็คือการบันทึกของถ้อยคำและพระพรที่งดงามเหล่านี้. พระพรเหล่านี้ล้วนเป็นพระพรฝ่ายจิตวิญญาณ ซึ่งพระคริสต์นั้นจะเป็นผู้ประทานให้
พระพรเหล่านี้ล้วนแต่เป็นฝ่ายจิตวิญญาณทั้งสิ้น กรณีนี้ก็บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระพรของพระเจ้ากับพระวิญญาณบริสุทธิ์. พระพรทุกอย่างที่พระเจ้าอวยพรเรานั้นในเมื่อเป็นของประทานฝ่ายวิญญาณจึงมีความเกี่ยวข้องกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้นไม่เพียงเป็นช่องทางแห่งพระพรของพระเจ้า แต่ยังแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันแห่งพระพรของพระเจ้าด้วย ในข้อ 3 นั้นพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร และพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับพระพรที่ทรงประทานให้กับเรา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว นี่ก็คือพระเจ้าที่พระองค์ได้ทรงสถิตอยู่ภายในเรานั่นเอง