- ทำไมการสื่อสารจึงเป็นปัญหา
- การสื่อสารไม่ได้เป็นเรื่องของการพูดอย่างเดียว
- การฟังเป็นส่วนสำคัญยิ่งของการสื่อสารในชีวิตสมรส
- พระคัมภีร์ให้คำแนะนำที่มีคุณค่ามากต่อการสื่อสาร
- สามีภรรยาเกิดความรู้สึกหงุดหงิดใจต่อกันได้อย่างไร (และจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร)
- วิธีปรับปรุงทักษะในการสื่อสาร
การสื่อสารเป็นกระบวนการ
คำจำกัดความซึ่งตรง ง่ายที่สุดคือการสื่อสารเป็นกระบวนการแลกเปลี่ยนข่าวสารกับอีกคนหนึ่ง โดยคำพูดหรือวิถีทางอื่นๆที่เข้าใจได้ สิ่งที่พูด คุย ฟังและการเข้าอกเข้าใจล้วนรวมในกระบวนการสื่อสารทั้งสิ้น
ปัญหาใหญ่ของการสื่อสาร คือการไม่เข้าใจกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสารชี้ว่า ถ้อยคำเมื่อสื่อไปถึงผู้ฟังได้นั้นต้องผ่าน 6 ขั้นตอนต่อไปนี้
- สิ่งที่ตั้งใจพูด
- สิ่งที่พูดออกมา
- สิ่งที่คนอื่นได้ยิน
- สิ่งที่คนอื่นคิดว่าเขาได้ยิน
- สิ่งที่คนอื่นพูดเกี่ยวกับสิ่งซึ่งคุณได้พูด
- สิ่งที่คุณคิดว่าคนอื่นได้พูดเกี่ยวกับสิ่งซึ่งคุณพูด
แสดงว่าการสื่อสารนี่ซับซ้อนจริง ๆ คนโบราณเตือนว่า “ใจคุณคิดอย่างไรก็ให้ปากพูดออกไปอย่างนั้น และปากคุณพูดออกมาอย่างไร ก็ให้ใจคุณคิดอย่างนั้นด้วย” นี่เป็นกฎเกณฑ์อันทรงค่ายิ่ง แต่ทำได้ยาก
คำถามนี้จะช่วยคุณประเมินผลตัวเองในฐานะผู้สื่อสารคนหนึ่ง
- คุณรู้สึกว่าการสื่อสารกับคู่สมรสของคุณเป็นเรื่องยากหรือไม่
- ก. บ่อยครั้ง ข. บางครั้ง ค. ไม่เคย
- คู่สมรสคุณรู้สึกว่ายากที่จะเข้าใจคำพูดคุณหรือไม่
- ก. บ่อยครั้ง ข. บางครั้ง ค. ไม่เคย
- คุณคิดว่าคู่สมรสจะพูดอย่างไรเกี่ยวกับความสามรถในการสื่อสารของคุณ
- ก. ดีมาก ข. พอใช้ ค.ใช้ไม่ได้
วิธีสื่อสาร–ฟังมากขึ้นพูดให้น้อยลง
Revel House “ผู้เขียนความรักอยู่ตรงนี้” กล่าวว่า “บ่าวสาวควรเริ่มชีวิตสมรสด้วยการเปิดช่องทางการสื่อสารให้กว้างอยู่เสมอ ไม่ว่าจะลงทุนสักเท่าไรก็ตาม” น่าเสียดายที่หลายครั้งช่องทางการสื่อสารระหว่างคู่สมรสมักติดขัดหรือขาดสะบั้นลง เพราะสามีหรือภรรยาไม่ยอมพูดหรือไม่สามารถสื่อถึงสิ่งกำลังเกิดขึ้นในชีวิตของกันและกันได้
การฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ปริปากพูดนั้นก็เป็นความจำเป็น คุณลองไตร่ตรองดูการสื่อสารของตัวคุณเอง คุณฟังคนอื่นพูดไหม เวลาเขาพูดคุณสนใจฟังแค่ไหน โดยเฉลี่ยแล้วมนุษย์เก็บข่าวสารจากการฟังได้แค่ 20 % ของสิ่งได้ยิน แล้วการฟังที่มีประสิทธิ์ภาพนั้นเป็นอย่างไร
ปราชญ์ท่านหนึ่งกล่าวาว่า “เป็นประสบการณ์ที่วิเศษ สวยงามและน่าทึ่งอะไรเช่นนี้ เมื่อมนุษย์เรียนรู้จักช่วยเหลือกัน และมนุษย์ทุกคนต้องการมากคือขอให้มีใครสักคนหนึ่งนั่งฟังเขาจริง ๆ” มิใช่ฟังเพื่อรอการพูดต่อ ฟังโดยพยายามเข้าใจความหมายแท้จริงและพูดได้ว่า “ฉันเข้าใจที่คุณพูด” มากกว่า “ฉันได้ยินที่คุณพูด
เรามักกลั่นกรองคำพูดคนอื่นด้วยความคิดเห็นและความต้องการของเราเอง เช่นภรรยาคนหนึ่งบ่นให้สามีฟังว่า “เฮ้อ เบื่องานบ้านจัง” สามีได้ยินก็สวนทันควันว่า “เธอไม่มีความสุข เพราะผมไม่สามารถจ้างเด็กมาช่วยงานบ้านได้อย่างเช่นคุณแม่ของเธอละซิ” ซึ่งภรรยาไม่ได้คิดอย่างนั้นสักนิด ตั้งแต่แต่งงานกันมา สามีนึกโทษตัวเองเสมอที่ไม่มีเงินพอจะจ้างคนรับใช้อย่างพ่อแม่ของภรรยา การกลั่นกรองคำพูดเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้เกิดความไม่เข้าใจขุ่นเคืองใจกับอยู่บ่อย ๆ
ถ้าสามีและภรรยาตระหนักถึงความสำคัญของการรับฟังด้วยใจเป็นกลาง ฟังอย่างจดจ่อ จะทำให้มีการสื่อสารที่ดีต่อกัน
ให้ย้อนกลับไปดูคำตอบของคุณ มีจุดไหนบ้างที่บ่งบอกว่าคุณควรปรับปรุงท่าที ทักษะในการฟัง
พระคัมภีร์พูดถึงอานุภาพของคำพูดไว้อย่างไร
คำพูดมีอานุภาพ สามารถเชือดเฉือนให้คนเจ็บปวด พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน
สุภาษิต 18:21 “ความตายความเป็นอยู่ที่อำนาจของลิ้น” สุภาษิต 26:22 ถ้อยคำของคนปากบอน…มันลงไปยังส่วนข้างในของร่างกาย“
ยากอบ 3:2-10 “…ถ้าผู้ใดมิได้ทำผิดทางวาจา ผู้นั้นก็เป็นผู้ดีรอบคอบแล้ว และสามารถบังคับทั้งตัวไว้ได้ด้วย ถ้าเราเอาบังเหียนใส่บากม้าเพื่อให้มันเชื่อฟังเรา เราก็สามารถบังคับให้มันไปไหน ๆ ได้ทั้งตัว จงดูเรือด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าเป็นเรือใหญ่ และถูกลมแรงพัดแล่นไปเรือก็ยังหันไปมาด้วยหางเสือเล็ก ๆ ตามใจนายท้ายที่จะให้ไปทางไหน
ลิ้นก็เช่นเดียวกัน เป็นอวัยวะเล็ก ๆ และอวดอ้างเรื่องใหญ่ ๆ จงดูเถิดไฟนิดเดียวอาจเผาป่าใหญ่ให้ไหม้ได้หนอ และลิ้นนั้นเป็นไฟลิ้นเป็นโลกที่ไร้ธรรมในบรรดาอวัยวะของเรา เป็นเหตุให้ร่างกายเป็นมลทินไป ทำให้วัฏฏะแห่งชีวิตเผาไหม้ และมันเองก็ติดไฟโดยนรก
เพราะสัตว์เดียรัจฉานทึกชนิด ทั้งนก สัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ในทะเลก็เลี้ยงให้เชื่องได้ และมนุษย์ก็ได้เลี้ยงให้เชื่องแล้ว แต่ลิ้นไม่มีมนุษย์ใดสามารถทำให้เชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่วที่อยู่ไม่สุขและเต็มด้วยพิษร้ายถึงตาย
เราทั้งหลายสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาด้วยลิ้นนั้น และด้วยลิ้นนั้นเราก็แช่งด่ามนุษย์ ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ตามพระฉายาของพระองค์ คำสรรเสริญและคำแช่งด่าก็ออกกมาจากปากอันเดียวกันดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้าไม่ควรให้เป็นเช่นนั้น“
อานุภาพของลิ้นเหมือนหางเสือแม้เป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ แต่สามารถคุมเรือทั้งลำ คำพูดของสามีภรรยาก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ระวังอาจนำความแตกร้าวมาสู่ครอบครัวได้ ลิ้นเป็นดุจเปลวไฟเผาป่าใหญ่ได้ ชีวิตสมรสเช่นเดียวกันสามารถแตกสลายได้เพียงคำพูดทิ่มแทงใจกันตลอดเวลา
คำพูดมักแพร่ออกไปรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง คุณเคยพยายามยุติหรือแก้ข่าวลือบ้างไหม มันฟุ้งกระจายออกไปแล้วใครเล่าจะเที่ยวตามเก็บกลับคืนมาได้ หรือใครจะสามารถลบเลือนถ้อยคำซึ่งคนอื่นได้ยินไปแล้วได้ คู่สมรสต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ คำพูดทุกคำอาจเยียวยารักษาหรือทำให้จิตใจฟกช้ำ หนุนน้ำใจหรือทำให้ท้อแท้ เสริมสร้างหรือทำลายกันได้