เราจะพิจารณาพระคัมภีร์ต่อไป สุภาษิต 29:20 “เจ้าเห็นคนปากไวหรือ ยังมีหวังในคนโง่มากกว่าเขา” สามีหรือภรรยาที่ชอบพูดโพล่งออกไปโดยไม่ยั้งคิดคำนึงถึงผลจะเกิดขึ้นจะไม่เป็นผลเสียแน่นอน
สุภาษิต 25:11 “ถ้อยคำที่พูดเหมาะ ๆ จะเหมือนลูกท้อทองคำล้อมเงิน มีอีกตอนกล่าว่า “ที่จะตอบให้เมาะสมก็เป็นความชื่นบานแก่คน คำเดียวที่ถูกกาละก็ดีจริง ๆ” ยังจำความรู้สึกที่สบายอกสบายใจตอนที่คุณทั้งสองคุยกันแบบเสริมสร้างกันได้ไหม ต่างฝ่ายต่างพยายามสรรหาคำไพเราะ เหมาะสมมาสนทนากัน ผลก็คือทั้งสองได้รับประโยชน์มาก
สำหรับการฟังก็มีบอกไว้ว่า “ถ้าคนใดคนหนึ่งตอบก่อนที่เขาได้ยิน ก็เป็นความโง่และความอับอายของเขา” ตามพระคัมภีร์ข้อนี้การฟังหมายถึงการใช้เวลาทำความเข้าใจสถานการณ์ หรือเรื่องราวอย่างชัดเจนก่อนที่จะตัดสินหรือสรุปความคำใด ๆ
ยากอบ 1:19 “ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้าจงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ” พวกเราส่วนมากพร้อมที่จะพูด แต่ไม่พร้อมจะฟัง แต่กุญแจดอกสำคัญของคู่สมรสที่ประสบความสำเร็จคือ การมีใจปรารถนาจะฟังคู่สมรสของตน ทั้งสองฝ่ายต้องพยายามฟังซึ่งกันและกัน
จริงอยู่การฟังต้องใช้ความพยายามมาก แต่เวลาเดียวกันมันปลดปล่อยเราให้หลุดพ้นจากความเห็นแก่ตัว ทำให้รับรู้ความรู้สึก ความต้องการของอีกฝ่าย หลายครั้งที่การสื่อสารในชีวิตสมรสล้มเหลว เพราะแต่ละคนเอาแต่หมกมุ่นสนใจความคิดเรื่องของตนเองอย่างเดียว จนไม่สามารถเข้าใจคู่สมรสได้ หากทั้งสองเริ่มฟังกันและกัน การอัศจรรย์จะเกิดขึ้นแน่ นั่นคือต่างมีความรู้สึกและความเข้าใจที่ดีต่อกัน
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของการฟังคือ การเดาเอาเองว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอะไร ขณะที่คนพูดยังพูดไม่จบประโยค นั่นไม่ถูกต้อง หลายครั้งเขาไม่ได้หมายความอย่างที่คุณคิดสักนิดเดียว ต้องระวังอย่าพูดแทรกหรือขัดจังหวะ ขอให้อีกฝ่ายพูดจบก่อน
เพื่อความเข้าใจ จงสื่อสารที่ดีต่อกัน
หนังสือ วิธีเข้าใจคู่สมรสของท่าน ของ Cecil Osborn กล่าวถึงหลายสิ่งที่คู่สมรสคับข้องใจ เช่นผู้หญิงจะยึดตัวเองเป็นใหญ่ ข่มสามี หรืออะไรนิดหน่อยก็ร้องห่มร้องให้ไม่ยอมเลิก ละเมอ จินตนาการไปเอง เหมือนเมื่อตอนเป็นสาว
ผู้ชายก็ไม่ยอมเข้าใจถึงอารมณ์แปรปรวนง่ายของภรรยา บางเรื่องผู้ชายคิดว่าไม่สำคัญ แต่สำหรับผู้หญิงแล้วถือว่าสำคัญมากทีเดียว เช่นกิจกรรมนอกบ้านของเขา งานอดิเรก กีฬาแม้แต่งานที่ทำอยู่ประจำ สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้หญิงรู้สึกคับข้องใจได้ทั้งสิ้น Osborn ชี้ให้เห็นว่า สาเหตุแท้จริงของความคับข้องใจซึ่งภรรยามีต่อสามีคือการที่ผู้ชายไม่สื่อสารหรือไม่ฟังภรรยาของตน และทำนองเดียวกันภรรยาก็อาจทำให้สามีรู้สึกเช่นนั้นด้วย
สามี ภรรยาสนใจแต่เรื่องที่ตัวเองพูด มุ่งอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจในความคิดของตนเองเท่านั้น การทำแบบนี้ทำให้ไม่ฟังอีกฝ่าย เมื่อเป็นเช่นนี้ แต่ละฝ่ายเลยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกหรือคิดอะไรจริง ๆ แม้ว่าทั้งคู่จะสื่อสารกันแต่ก็ไม่รู้เรื่อง ฝ่ายหนึ่งอาจตอบรับ “อือ อือ..ครับ ครับ เข้าใจ ๆ แต่อีกห้านาทีต่อมา ก็จำไม่ได้ว่าพูดอะไรกันไปบ้าง
ผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับชีวิตสมรสหลายคนสรุปว่า “ปัญหาใหญ่ของชีวิตสมรสอยู่ที่การสื่อสาร”สามีภรรยาอาจรู้เรื่องราวของอีกฝ่ายหนึ่งมาก แต่ลึก ๆ แล้วไม่รู้ใจกันจริง ๆ การสื่อสารเป็นขบวนการซึ่งทำให้มนุษย์ได้รู้จักซึ่งกันและกัน ผูกพันกันด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง
ขอให้แต่ละฝ่ายตอบคำถามต่อไปนี้ด้วยตนเองก่อน แล้วมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทีหลัง
- ในชีวิตสมรสคุณการสื่อสารเป็นอย่างไรบ้าง
- ไม่เห็นมีอะไรต้องแก้ไข
- ดีมาก
- พอใช้
- ขึ้น ๆ ลง ๆ (ดีบ้างไม่ดีบ้าง)
- ก็งั้น ๆ (สื่อสารแบบผิวเผิน)
- รู้สึกคับข้องใจ
- รู้สึกแย่
- เสร็จแล้วคุณกลับไปเลือกคำตอบที่คุณคิดว่าคู่สมรสอาจเลือก
2. คุณคิดว่าคุณควรปรับปรุงการสื่อสารของคุณกับคู่สมรสให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง โปรดบอกมา 3 ข้อ”ฉันจะแก้ไขเพื่อให้การสื่อสารของเราดีขึ้นโดย
ก………………………………………………………ข………………………………………………………ค………………………………………………………
ฉันจะเริ่มนำ 3 ข้อนี้มาปฏิบัติตั้งแต่วันที่ ………………..
3. จงนัดหมายคู่สมรสแล้ววางแผนด้วยกันว่า จะทำอย่างไรเพื่อให้การสื่อสารของคนทั้งสองดีขึ้น วันที่………………….เวลา …………. ขณะที่หารือด้วยกันให้พูดคุยกันใน 4 ประเด็นต่อไปนี้
ก. แบ่งปันความรู้สึกตามที่ตอบข้อ 1. แล้วปรึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการสื่อสารของทั้งสอง
ข. แบ่งปันคำตอบคุณในข้อ 2 เกี่ยวกับการแก้ไขว่าจะปรับปรุงการสื่อสารอย่างไรบ้าง ความคิดของคุณใช้ได้ดีไหม ถ้าไม่ดีขึ้นหาวิธีใหม่ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ
ค. รับปากที่จะทำตามสิ่งที่ตกลงกันไว้ในข้อ2 อย่างน้อย 1 อาทิตย์ หารือกันใหม่อาทิตย์หน้าเพื่อประเมินว่า ถ้ามีอะไรขลุกขลักก็เปลี่ยนวิธีใหม่และคุยกันใหม่ ทำเช่นนี้จนกว่าจะรู้สึกว่าการสื่อสารระหว่างกันดีขึ้น