ถ้าเราไม่มีประสบการณ์แห่งชีวิตที่ถูกต้องและเพียงพอกับพระเจ้า เราก็ไม่อาจที่จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์ได้อย่างสมบูรณ์ ในแต่ละวันเราจำต้องมั่นใจและกล่าวว่า “วันนี้เราอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระองค์ก็อยู่ภายในเรา” เพื่อที่ว่าเราจะยืนยันความเชื่อและความมั่นใจที่เราเป็นแขนงที่ต่อเชื่อมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเถาองุ่นแท้คือพระเยซูคริสต์ในทุกๆ วัน โดยมีพระองค์ทรงเป็นศรีษะ และเราเป็นอวัยวะของพระกายทั้งหมดของพระองค์
ต้นองุ่นนั้นมีกิ่งมากมายแต่กิ่งมากมายเหล่านี้ก็ล้วนประกอบเป็นต้นองุ่นต้นเดียวกัน ซึ่งทั้งต้นและกิ่งนั้นไม่อาจแยกออกจากกันได้เลย ถ้าเรากล่าวว่าเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับองค์พระผู้เป็นเจ้า เราก็ต้องตรวจสอบว่าเราได้เป็นหนึ่งกับอวัยวะส่วนอื่นๆ หรือไม่. ถ้าเราไม่มีความเป็นหนึ่งกับอวัยวะส่วนอื่นๆ ที่อยู่ในพระองค์การที่เราอ้างว่าเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้าก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นจริงได้ เพราะขณะที่เรากลายเป็นส่วนหนึ่งของต้นองุ่นแท้คือพระคริสต์ที่มีกิ่งและแขนงมากมาย แต่เรากลับปฏิเสธกิ่งหรือแขนงอื่นๆ ก็แสดงว่าเรายังไม่ยอมรับการมีส่วนในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้อื่นที่มีต่อพระเจ้าด้วยเช่นกัน
เมื่อเรายอมที่จะปฏิเสธตัวเองเราก็มีชีวิตอยู่ในพระวิญญาณของพระเจ้า และทำนองเดียวกันขณะที่พี่น้องอีกคนหนึ่งยอมปฏิเสธตัวเอง เขากับเราก็มีชีวิตอยู่ในพระวิญญาณองค์เดียวกัน ซึ่งจากนั้นเราก็จะมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในองค์พระผู้เป็นเจ้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ … พี่น้องผู้เชื่อทุกคนล้วนยอมรับว่าชีวิตของพวกเขาได้ถูกตรึงไว้บนกางเขนร่วมกับพระเยซูคริสต์แล้ว และพวกเขาก็ตระหนักว่าพวกเขาได้มีชีวิตอยู่ร่วมในการเป็นขึ้นมาของพระคริสต์แล้วเช่นกัน เรามีพระองค์เป็นชีวิตของเราเราตระหนักในเรื่องนี้และเราก็ยืนอยู่บนพื้นฐานนี้โดยการปฏิเสธความปรารถนาและความเป็นตัวตนของเราเอง นี่เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ยิ่งนัก! ที่เราในฐานะมนุษย์ผู้เป็นคนบาปได้กลายเป็นหนึ่งในชีวิตแห่งการเป็นขึ้นและมีชีวิตในองค์พระผู้เป็นเจ้า การที่เราเข้าส่วนจนเป็นหนึ่งเดียวกันกับองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นมิใช่เพราะเราได้เรียนรู้หลักธรรมจนเข้าใจ แต่เป็นเพราะว่าเราได้มีชีวิตอยู่ในประสบการณ์แห่งการทนทุกข์ทรมาน การสิ้นพระชนม์ และความชื่นชมยินดีกับการเป็นขึ้นมาของพระองค์ ซึ่งในฐานะวิสุทธิชนแห่งพระองค์ เราจะต้องมีประสบการณ์เหล่านี้อยู่ร่วมในชีวิตของเรามิฉะนั้นเราจะไม่มีทางเป็นหนึ่งเดียวกันชีวิตในองค์พระเยซูคริสต์ได้เลย
และด้วยหนทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้เราได้มีในสิ่งที่เรียกว่า “ติดสนิท” ในพระองค์ ซึ่งการติดสนิทในพระองค์มิใช่เพียงแค่ เราได้อ่านพระคัมภีร์ทุกวัน.. อธิษฐานทุกวัน.. นมัสการเช้ากับพระองค์ทุกวัน แต่ยังคงมีความหมายที่กว้างไกลไปมากกว่านั้นอีกคือ การที่วิสุทธิชนผู้เชื่อในพระองค์มีชีวิตที่กลายเป็น “อันหนึ่งอันเดียวกัน” กับพระองค์อย่างสมบูรณ์ มีความรักเหมือนพระองค์ มีความเมตตาปราณีเหมือนพระองค์ มีความอดทนอดกลั้นเหมือนพระองค์ มีความสุภาพอ่อนน้อมเหมือนพระองค์ เป็นผู้สร้างสันติเหมือนพระองค์ และเหนืออื่นใดเราจะต้องตระหนักว่า “เราได้เป็นบุตรของพระเจ้าเหมือนพระองค์” เช่นกัน… ฉะนั้น “ทำนองเดียวกันพวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์” มัทธิว 5:16”