- รู้จักใช้คำว่า “ขอบคุณ”
คำขอบคุณเป็นเสมือนน้ำมันหล่อลื่นของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพราะมันจะก่อให้เกิดความซาบซึ้งใจและชื่นชมยินดีเสมอ ก่อนที่เราจะจบงานในแต่ละวันควรจะมอบคำขอบคุณให้กับผู้ที่ช่วยเหลืองานต่าง ๆ ให้กับเราในวันนั้น ๆ เพราะคำพูดที่ซาบซึ้งนั้นจะสร้างความยินดีในการเป็นมิตรภาพ และขจัดปัญหาต่าง ๆ ให้หมดไปได้
“มีทองคำและทับทิมมีค่าเป็นอันมาก แต่ริมฝีปากที่มีความรู้ก็เป็นเพชรนิลจินดาประเสริฐ” สภษ. 20 : 15- จงใช้คำว่า “ขอโทษ” เมื่อท่านทำผิด
มนุษย์ทุกคนไม่มีใครที่สมบูรณ์ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะพลาดพลั้่งทำผิดได้เสมอ ดังนั้นการทำผิดจึงเป็นเรื่องที่เคียงคู่กับมนุษย์มาตลอดชีวิต แต่ทว่าการที่มนุษย์เป็นผู้ไม่สมบูรณ์ไม่ใช่ข้ออ้างในการกระทำผิด ดังนั้นเมื่อกระทำผิดหรือบกพร่องในสิ่งใด จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกล่าวคำว่า “ขอโทษ” อย่างจริงใจ ต่อผู้ที่ได้รับผลแห่ีงการกระทำผิดนั้น การพูดว่า “ขอโทษ” เป็นเทคนิคที่สำคัญมาก เพราะลักษณะคำพูด, ท่าทางการพูด, น้ำเสียงการพูด, และการกระทำที่สอดคล้องกับคำพูด, ล้วนแล้วแต่เป็นเบื้องหลังที่แสดงถึงการขอโทษทั้งสิ้น ดังนั้นในที่ทำงานคำ “ขอโทษ” จึงควรเป็นสิ่งที่แสดงออกอย่างจริงใจ
“เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน” ยก. 5 : 16- ระหว่างเพื่อนร่วมงานจง “ให้อภัย” ต่อกันและกันเสมอ
การอยู่ในท่ามกลางหมู่คนจำนวนมาก การกระทบกระทั่ง การไม่พอใจกันแระกันย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ และความรู้สึกโกรธขึ้ง หรือไม่พอใจย่ิอมมีขึ้นได้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง การให้อภัยจึงเป็นหนทางที่จะนำความสมัครสมานสาีมัีคคีกลับมาสู่ทีมงานด้วยกันอีกครั้ง และการให้อภัยนั้นย่อมหมายถึงการไม่จดจำ และอาฆาตเคียดแค้นกันและกันอีกต่อไป
“ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” 1 ยน. 1 : 9; “เพราะเราจะกรุณาต่อการอธรรมของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาไว้เลย” ฮบ. 8 : 12- ปฏิบัติการกฎระเบียบของสถานที่ทำงานอย่างเคร่งครัด
การจราจรบนถนนมีรถนัีบล้านคันขับเคลื่อนอยู่ ยิ่งสถานที่ที่มีการจราจรคับคั่งเท่าไร ก็ยิ่งจำต้องมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดมากเท่านั้น เพื่อมิให้เกิดความวุ่นวาย การทำงานกับคนหมู่มากในสถานที่ทำงานก็เช่นเดียวกัน จำเป็นต้องมีระเบียบปฏิบัติที่ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเช่นกันเพื่อความสบายใจในการปฏิบัติหน้าที่ของทุก ๆคน
“แต่ผู้ที่พิจารณาดูในวิสุทธิบัญญัติ ซึ่งเป็นพระบัญญัติแห่งเสรีภาพ และตั้งอยู่ในพระบัญญัตินั้น มิได้เป็นผู้ฟังแล้วก็หลงลืม แต่เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตาม ผู้นั้นก็จะได้รับความสุขเพราะการประพฤติปฏิบัติของตน” ยก. 1 : 25- สมบัติส่วนตัวกับทรัพย์สินของบริษัทต้องแยกจากกัน
การแยกสิ่งของที่เป็นของส่วนตัวออกจากทรัพย์สินของบริษัทอย่างชัดเจน เป็นการให้เกียรติตนเอง และยิ่งฝึกฝนตนเองให้เป็นปกติวิสัย เป็นการสร้างคุณค่าให้กับตนเอง
“นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด’” มธ. 25 : 21- เก็บรักษาความลับของที่ทำงานอย่างดี
ทุกสิ่งทุกอย่างในสถานที่ำทำงานถือเป็นเรื่องลับเฉพาะ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเก็บรักษาเอาไว้เป็นความลับเพราะเรื่องเล็กน้อยเปิดเผยออกไปก็อาจจะกลายเป็นเรื่องที่ลุึกลามใหญ่โตได้ ยิ่งข้อมูลที่สำคัญของผู้ที่เข้ามาติดต่อกับหน่วยงานยิ่งจะต้องเป็นความลับที่จะต้องรักษาให้มาก เพื่อเป็นการสร้างความไว้วางใจให้กับทุก ๆ คน
“เพราะฉะนั้น พระเจ้าตรัสว่า บัดนี้เราจะให้ยาโคบกลับสู่สภาพเดิม และจะมีความกรุณาต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งสิ้น และเราจะหวงแหนนามบริสุทธิ์ของเรา” อสค. 39 : 25- การนินทาว่าร้ายเป็นบ่อเกิดแห่งความแตกแยกในที่ทำงาน
ในสถานที่ที่มีคนหมู่มากอยู่ การนินทาว่าร้าย หรือเจตนาว่าร้ายต่อผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่อย่างไรก็ดีในสังคมของที่ทำงานไม่ควรจะมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ทุก ๆ คนควรมีความรักและไว้วางใจกันได้ เพราะการพูดจาให้้ร้ายนั้น คนพูดอาจจะรู้สึกพึงพอใจ แต่ขณะเดียวกันผู้ถูกถล่าวถีงนั้นอาจจะทนทุกข์อย่างแสนสาหัส ทำให้บรรยากาศในการทำงานเกิดความตึงเครียด และมีผลต่องานที่ทำออกมา
“แต่ลิ้นนั้นไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทำให้เชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่ว ที่อยู่ไม่สุขและเต็มไปด้วยพิษร้ายถึงตาย เราทั้งหลายสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาด้วยลิ้นนั้น และด้วยลิ้นนั้นเราก็แช่งด่ามนุษย์ ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ตามพระฉายาของพระองค์” ยก. 3 : 8 – 9- กับเพื่อนร่วมงานการหยิบยืมเงินทองต้องระมัดระวัง
การให้ความช่วยเหลือในฐานะเพื่อร่วมงานเป็นสิ่งที่สมควรกระทำ และจำเป็นที่ต้องกระทำ แต่ในเรืื่องการหยิบยืมเงินนั้น ทั้่งผู้ให้ยืมและผู้ยืมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะสำหรับเจ้าหนี้นั้นการทวงถามอาจจะเป็นสิ่งที่ยาก ขณะที่ผู้เป็นลูกหนี้ก็อาจจะรู้สึกว่าต้องการหลบหน้า นานวันไปก็กลายเป็นความมึนตึงระหว่างกัน บางครั้งอาจจะถึงขั้นทำให้ความสัมพันธ์นั้นสิ้นสุดลงเลยทีเดียว
“อย่าเป็นหนี้อะไรใคร นอกจากความรักซึ่งมีต่อกัน” รม. 13 : 8- อย่าปัดความรับผิดชอบให้กับผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ใต้บังคับบัญชา
การปฏิเสธความรับผิดชอบเป็นการทำลายความรู้สึกของผู้ัอื่นที่มีต่อคุณอย่างร้ายแรง อย่าพยายามหาข้ออ้างเพื่อบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ การอ้างเหตุผลว่า “ความผิดพลาดทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เกิดจากผู้อื่นทั้งสิ้น” การกระทำเช่นนี้จะทำให้ผู้ือื่่นขาดความเชื่อถือในตัวของคุณ เพราะไม่ว่าอย่างไรในฐานะของผู้รับผิดชอบในงาน ต้องแสดงความกล้าหาญ และเป็นตัวของตัวเองในการรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะกับผู้ใต้บังคับบัญชา
“เหมือนนกอินทรีที่กวนรังของมันกระพือปีกอยู่เหนือลูกโต กางปีกออกรองรับลูกไว้ให้เกาะอยู่บนปีก” ฉลบ. 32 : 11- พึงระลึกเอาไว้เสมอว่า “คุณคือ ตัวแทนของที่ทำงานของคุณ”
การที่ท่านได้ออกไปพบป่ะกับผู้คนหรือใครก็ตาม มันเกี่ยวโยงกับชื่อเสียงและเกียรติภูมิของที่ทำงานของคุณอย่างแยกกันไม่ออก ท่านเป็นภาพของตัวแทนที่ทำงานของท่านอย่ีางแยกกันไม่ออกไม่ว่าท่านจะคิดถึงสิ่งนี้หรือไม่ก็ตาม ดัีงนั้นการกระทำและสิ่งที่ท่านแสดงออกน่ะแหละจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ท่านและที่ทำงานของท่านเป็นอย่างไร
“ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์” มธ. 5 : 16