ความมืดทางสติปัญญา เป็นปัญหาแรกที่เราต้องแก้ เราจึงจะมีความรู้ความชำนาญพร้อมที่จะทำงานที่ใหญ่และยากได้สำเร็จ แต่ทุนที่เป็นวัตถุไม่อาจแก้ปัญหาความมืดทางสติปัญญาได้โดยตรง
เหนือกว่ากำลังของร่างกายคือความฉลาดทางสติปัญญา เหนือกว่าความฉลาดทางสติปัญญาคือแรงขับเคลื่อนของจิตวิญญาณ ใจเป็นศูนย์กลางของชีวิตโดยมีจิตวิญญาณเป็นแรงขับเคลื่อน ถ้าจิตวิญญาณเข้มแข็งก็จะมีกำลังใจ และเมื่อมีกำลังใจก็ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้
เมื่อมีปัญหาที่ยากจนสติปัญญามืดมนหาทางออกไม่ได้ เราต้องแก้ด้วยกำลังฝ่ายจิตวิญญาณ เหมือนที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า “ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน แผ่นดินก็ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าทรงปกอยู่เหนือน้ำนั้น” (ปฐมกาล 1:1-2)
แม้จะมีความมืดอยู่เหนือน้ำแต่พระวิญญาณของพระเจ้าก็ทรงปกอยู่เหนือน้ำนั้นด้วย ความมืดจึงไม่อาจเป็นอุปสรรคขวางกั้นการทรงสร้างของพระเจ้า ในการทำงานของเราก็เช่นเดียวกัน แม้จะมีปัญหาที่ทำให้เราจนปัญญา ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเรามีใจที่จะควบคุมงานนั้นให้ได้ เราก็ย่อมอยู่เหนือปัญหาและสามารถเอาชนะปัญหาได้ในที่สุด ปัญหาที่แก้ด้วยวิธีอื่นไม่ได้ จึงสามารถแก้ได้ด้วยใจที่มีกำลังฝ่ายจิตวิญญาณเป็นแรงผลักดัน
ปัญหาที่แก้ด้วยวัตถุไม่ได้ ย่อมแก้ด้วยแรงกายได้ ปัญหาที่แก้ด้วยแรงกายไม่ได้ ย่อมแก้ด้วยความฉลาดทางสติปัญญาได้ และปัญหาที่แก้ด้วยความฉลาดทางสติปัญญาไม่ได้ ย่อมแก้ด้วยใจที่มีกำลังฝ่ายจิตวิญญาณเป็นแรงผลักดันได้ จิตวิญญาณจึงเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตที่ทรงพลังที่สุด จะทำอะไรที่ใหญ่และยากก็ต้องทำด้วยใจหรือทำด้วยกำลังฝ่ายจิตวิญญาณเท่านั้นจึงจะสำเร็จได้