มาระโก 7 : 20 – 23 พระองค์ตรัสว่า “สิ่งที่ออกมาจากภายในมนุษย์ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน เพราะว่าจากภายในมนุษย์คือจากใจมนุษย์ มีความคิดชั่วร้าย การล่วงประเวณี การลักขโมย การฆ่าคน…… สารพัดการชั่วนี้เกิดมาจากภายใน และทำให้มนุษย์เป็นมลทิน”
มัทธิว 5 : 21 – 24 ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้แก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน ถ้าผู้ใดฆ่าคน ผู้นั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดโกรธพี่น้องของตน ผู้นั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ ถ้าผู้ใดจะพูดกับพี่น้องว่า ‘อ้ายโง่’ ผู้นั้นต้องถูกนำไปที่ศาลสูงให้พิพากษาลงโทษและผู้ใดจะว่า ‘อ้ายบ้า’ ผู้นั้นจะมีโทษถึงไฟนรก เหตุฉะนั้นถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน
สุภาษิต 14 : 31 บุคคลผู้บีบบังคับคนยากจน ดูถูกพระผู้สร้างของเขา แต่บุคคลที่เอ็นดูต่อคนขัดสนก็ถวายเกียรติแด่พระองค์
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นผู้บริสุทธิ์เพื่อได้ครอบครองสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นในโลกนี้ พระองค์ได้ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้กับเขาตั้งแต่แรกสร้างจนมนุษย์ได้กลายเป็น “ฉายา” ของพระเจ้า ในพระฉายาของพระเจ้านั้นมนุษย์จึงประกอบไปด้วยคุณความดี (อพยพ 33 : 18 – 19) และมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้าดังนั้นสำหรับผู้ที่อยู่ในพระองค์จึงไม่กระทำความบาป “ผู้ใดบังเกิดจากพระเจ้า ผู้นั้นไม่กระทำบาป เพราะสภาพของพระเจ้าดำรงอยู่กับผู้นั้นและเขากระทำบาปไม่ได้ เพราะเขาเกิดจากพระเจ้า” 1 ยอห์น 3 : 9
ธรรมาจารย์ทูลถามพระเยซูว่าพระบัญญัติข้อใดคือข้อใหญ่ที่สุด พระเยซูทรงตอบว่า “จงรักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจสุดความคิด สุดกำลังของเจ้า” (มก. 12 : 28 – 29) ความรักในพระเจ้าก็คือการนอบน้อมต่อพระองค์ด้วยสิ้นสุดใจสิ้นสุดความคิดของมนุษย์เป็นความรักที่เกิดจากความผูกพันจนเป็นการเข้าสนิทและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้า แล้วพระคุณอันล้ำเลิศที่เป็นของพระองค์จะได้ทรงเปิดเผยให้กับเรา พระเยซูได้ตรัสว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาเหนือท่าน” ซึ่งพระองค์นี้จะเป็นผู้นำทางเราให้เดินไปอย่างถูกต้องและไม่หลงจากทางของพระองค์
อย่าฆ่าคน ที่ปรากฏอยู่ในพระบัญญัติของพระองค์นั้น พระเยซูได้ทรงอธิบายว่าชัดเจนว่าเป็นข้อบัญญัติที่มีความหมายโดยนัยยะที่กว้างไกลกว่าที่ปรากฏอยู่เพียงตัวอักษรมากนัก ในพระคัมภีร์ได้กล่าวว่าผู้ที่เป็นฆาตกรฆ่าคน เป็นบุคคลแรกก็คือ “คายิน” ผู้ซึ่งได้สังหาร “เอเบล” และก็เข้าใจอย่างนั้นตลอดมา แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่เป็นฆาตกร “ฆ่าคน” เป็นบุคคลแรกในพระคัมภีร์ก็คือ “อาดัม” นั่นเอง
ชายนั้นทูลว่า “หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กินกับข้าพระองค์นั้น ส่งผลไม้นั้นให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน” ปฐมกาล 3 : 12 เมื่อพระเจ้าถามอาดัมถึงความผิดบาปที่เขากระทำ อาดัมได้กล่าวร้ายเอวา ว่า เป็นคนล่อลวงให้ตนเองกระทำผิด การกระทำดังกล่าวเป็นการสร้างความทุกข์ทรมานและเจ็บปวดให้กับ เอวา ผู้เป็นภรรยาที่รักเพียงคนเดียวของอาดัม ต่อพระพักตร์ของพระเจ้า เอวา คงไม่อาจจะสู้หน้าพระเจ้าได้เพราะความอับอายที่ อาดัม กล่าวร้ายนั้น…ด้วยเหตุนี้ เอวา จึงปกป้องตัวเองด้วยการโยนความผิดไปให้ งู อีกทอดหนึ่ง ซึ่งนั่นหมายความว่า เอวา ก็โยนความผิดมาให้พระเจ้าผู้ทรงสร้างนั่นเอง
การกล่าวร้าย, ตำหนิ, กล่าวโทษ, โกรธเคือง, ดูหมิ่น, ฯลฯ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความ “ไม่เคารพและหมิ่นประมาท” ต่อพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระผู้สร้างแห่งจักรวาลนี้ เพราะเพียงแค่การกล่าวร้าย หรือดูหมิ่นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระองค์ทรงสร้างก็เท่ากับว่า มนุษย์กล่าวหาว่าพระองค์ผู้ทรงสร้างนั้นได้กระทำให้เกิดความผิดในสิ่งนั้นด้วย “ถ้าโลกนี้เกลียดชังท่านทั้งหลาย ก็จงรู้ว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อน….. ผู้ที่เกลียดชังเรา ก็เกลียดชังพระบิดาของเราด้วย” ยอห์น 15 : 18, 23
ก่อนวันเสด็จกลับมาขององค์พระเยซูคริสต์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน 2 ด้านด้วยกันคือ 1. ทางธรรมชาติจะเกิดภัยพิบัติและการสงครามความขัดแย้งอย่างรุนแรงและมากขึ้นเรื่อย ๆ จน “มนุษย์ก็จะสลบไสลไปเพราะความกลัว และเพราะสังหรณ์ถึงเหตุการณ์ซึ่งจะบังเกิดในโลก ด้วยว่าบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน” ลูกา 21 : 26 2. ทางด้านจิตใจมนุษย์จะหันเหไปจากความเป็นจริงและความชอบธรรมของพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง “แต่จงเข้าใจข้อนี้ คือว่าในสมัยจะสิ้นยุคนั้น จะเกิดเหตุการณ์กลียุค เพราะมนุษย์จะเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน เย่อหยิ่ง ยโส ชอบด่าว่า ไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา อกตัญญู ไร้ศีลธรรม ไร้มนุษยธรรม ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ ดุร้าย เกลียดชังความดี ทรยศ มุทะลุ หัวสูง รักความสนุกยิ่งกว่ารักพระเจ้า ถือศาสนาแต่เปลือกนอก ส่วนแก่นแท้ของศาสนาเขาไม่ยอมรับ” 2 ทิโมธี 3 : 1 – 5
แต่ขณะเดียวกันข่าวดีก็คือ “ดูเถิด เราจะส่งเอลียาห์ผู้เผยพระวจนะมายังเจ้าก่อนวันแห่งพระเจ้า คือวันที่ใหญ่ยิ่งและน่าสะพรึงกลัวมาถึง และท่านผู้นั้นจะกระทำให้จิตใจของพ่อหันไปหาลูก และจิตใจของลูกหันไปหาพ่อ หาไม่เราจะมาโจมตีแผ่นดินนั้นด้วยคำสาปแช่ง” มาลาคี 4 : 5 – 6 ก่อนพระเยซูจะเสด็จกลับมาพระเจ้าจะทรงช่วยพลไพร่ของพระองค์ด้วย “เอลียาห์” คำสอนและฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะทรงประทานให้กับมนุษย์ใน “ฝนปลายฤดู” เพื่องานการเก็บเกี่ยวของพระองค์ที่กำลังจะมาถึง ด้วยเหตุนี้ในห้วงเวลาที่เหลืออยู่นี้จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เชื่อทุกคนจะต้อง “กลับใจเสียใหม่” และทูลขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อช่วยนำทางชีวิตของพวกเขา เพื่อการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ของชีวิตและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันแห่งความยากลำบาก และการเสด็จกลับมาขององค์พระเยซูเจ้า