1 ทิโมธี 1: 1 จาก เปาโล อัครทูตของพระเยซูคริสต์ ตามพระบัญชาของพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา และพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นความหวังของเรา
1 เปโตร 2 : 9 “แต่ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์”
พระธรรม 2ทิโมธี เป็นจดหมายฝากที่ อ.เปาโลเขียนไปยังทิโมธี เมื่อเวลาที่ท่านได้รับใช้พระเจ้ามาเป็นเวลานาน เขียนขณะที่ท่านติดคุกที่กรุงโรม ก่อนจะถูกประหารชีวิต เพื่อจะกระตุ้นหนุนใจทิโมธี ลูกแห่งความเชื่อ และผู้รับใช้พระเจ้าทุกคนที่จะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ในเรื่องการรับใช้พระเจ้า และการเป็นผู้รับใช้ที่ดีของพระเยซูได้ หนังสือนี้จึงเหมาะกับคริสเตียนทุกคนเพราะทุกคนเป็นปุโรหิต และถูกเรียกให้เป็นผู้รับใช้พระเจ้า ซึ่ง อ.เปาโลตระหนักถึงความสำคัญของการทรงเรียก 4 ประการ ดังนี้
- ทรงเรียกให้มีสิทธิอำนาจ “จากเปาโล อัครทูตของพระเยซูคริสต์”
อ.เปาโลเรียกตนเองในการขึ้นต้นจดหมายเสมอว่า “อัครทูตของพระเยซูคริสต์” ซึ่งการใช้ตำแหน่งอัครทูตนี้ เป็นการแสดงถึงสิทธิอำนาจของการรับใช้พระเจ้า (1คร.9:1) การเป็นอัครฑูต คือ ผู้ที่ได้รับสิทธิอำนาจจากพระเยซูคริสต์ในประกาศข่าวประเสริฐ สั่งสอนคนทั้งหลายให้ติดตามพระเยซูแทนพระองค์ (กท.1:1) อ.เปาโลตระหนักถึงความสำคัญของการทรงเรียกจากพระเจ้าว่า เป็นสิทธิอำนาจที่ติดตามมาด้วย เป็นเหตุให้ท่านเป็นผู้รับใช้พระเจ้าที่เกิดผล และเนื่องจากสิทธิอำนาจของพระเยซูอยู่กับผู้ที่ออกไปในนามของพระองค์ ใครที่ทำการของพระเจ้า ประกาศสั่งสอนโดยออกพระนามพระเยซูย่อมมีสิทธิอำนาจด้วย (ลก.9:1-2) คริสเตียนจึงต้องมั่นใจในสิทธิอำนาจของพระเยซูในชีวิต หากไปด้วยสิทธิอำนาจของพระเยซู สิ่งที่เราพูดก็จะมีผลเกิดขึ้นได้ (อฟ.1:18)
- ทรงเรียกให้มีความมั่นใจ “ตามน้ำพระทัยพระเจ้า”
อ.เปาโล รู้ดีว่าเป็นการแต่งตั้งโดยพระเยซูนั้นเป็นไปตามแผนการของพระเจ้า คำว่า “ตามน้ำพระทัยพระเจ้า” สิ่งนี้เป็นความมั่นใจของ อ.เปาโลตลอดการรับใช้ว่า งานที่รับใช้นั้นไม่ใช่เป็นงานที่มาจากมนุษย์เป็นผู้เรียก หรือคริสตจักรเป็นผู้เรียก หรือมีใครคนใดคนหนึ่ง หรือแม้แต่ตัวท่านเอง แต่เป็นการเลือกสรรของพระเจ้าซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความมั่นใจ พระองค์ทรงมีแผนการที่ดีเลิศให้กับมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างคริสตจักร เป็นแผนการนิรันดร์ของพระเจ้าที่จะสำแดงสง่าราศีของพระเจ้า (มธ.16:18; อฟ.3:9-11; ฟป.2:9-11) และพระเจ้าให้โอกาสคริสเตียนให้มีส่วนในแผนการนี้ (กดว.14:21) สิ่งที่สำคัญคือ ต้องมั่นใจว่าชีวิตเราอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า เพราะพระองค์มีน้ำพระทัยให้คริสเตียนมีส่วนในการรับใช้พระเจ้า (กจ.18:9-11)
- ทรงเรียกให้มีความรับผิดชอบ “ผู้ได้รับมอบการประกาศ”
อ.เปาโลตระหนักว่า เป็นหน้าที่รับผิดชอบในการประกาศและทำพระราชกิจของพระเจ้า (คส.1:24-28) และทำให้คริสตจักรไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ (อฟ.4:13-14; กท. 4:19) พระเจ้าเรียกให้เรามีบทบาท หน้าที่ความรับผิดชอบและของประทานต่างๆ กัน เราต้องรับผิดชอบอย่างดีที่สุด เพราะในวันสุดท้าย ทุกคนต้องไปยืนกล่าวรายงานต่อหน้าพระเยซูคริสต์ (2คร.5:10) ไม่มีใครสามารถรับผิดชอบแทนใครได้ (มธ.25:14-19)
- ทรงเรียกให้มีสิทธิพิเศษ “ประกาศพระสัญญาที่จะทรงประทานชีวิตซึ่งมีในพระเยซูคริสต์”
การทรงเรียกของพระเจ้าที่ให้ประกาศข่าวประเสริฐนั้นเป็นสิทธิพิเศษ และเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับมนุษยชาติ เพราะว่าข่าวประเสริฐเป็นความหวังเดียวสำหรับมนุษย์ (ยน.14:6) เมื่อพระเจ้าให้สิทธิพิเศษแก่เราในการทำสิ่งที่เป็นแผนการสูงสุดของพระองค์ เราจึงต้องตระหนักว่างานรับใช้พระเจ้าเป็นงานที่มีเกียรติ และผู้รับใช้พระเจ้าจึงเป็นบุคคลที่สมควรอย่างยิ่งที่เราควรจะยกย่องนับถือ ถ้าเราตระหนักถึงการทรงเรียกว่า เป็นสิ่งที่มีคุณค่า ทั้งสำหรับชีวิตผู้ที่ถูกเรียก และผู้อื่นที่ได้รับผลจากการรับใช้ของเรา เราจะรับใช้อย่างเกิดผล และหากเราเป็นผู้รับใช้ที่ยินดีรับใช้อย่างเต็มกำลัง ด้วยสุดหัวใจของเรา เราจะเป็นผู้รับใช้ที่พระเยซูทรงพอพระทัย
สรุป พระเยซูคริสต์ได้มาถึงโลกนี้และได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อที่จะช่วยมนุษย์ให้รับความรอด และทรงเรียกเราให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เราจึงต้องตระหนักถึงความสำคัญของการทรงเรียกนี้ และมีแรงบันดาลใจต่อความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าได้มอบหมายให้ คือ การประกาศข่าวประเสริฐไปยังสุดปลายแผ่นดินโลก ทำพระมหาบัญชาของพระเจ้าให้สำเร็จ และปรารถนาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อพระเจ้าก่อนที่จะจากชีวิตนี้ไป