เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”. น้ำพระทัยของพระเจ้านั้นไม่เพียงรักคนที่ชอบธรรม แต่ยังรักคนบาป และยังรักโลกด้วย. โลกนั้นมีความชั่วร้ายเนื่องมาจากความบาป. คำว่า “โลก” นั้นในภาษากรีกชี้ถึงผู้คนที่ทำบาปและตกต่ำและเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่ตกอยู่ในความบาปแห่งโลกนี้ ท่ามกลางมนุษยชาติทั้งหมดล้วนได้กลายเป็นมนุษย์แห่งความบาปที่มีชีวิตอยู่ฝ่ายโลก…พระเจ้าทรงรักมนุษยชาติที่ตกต่ำเหล่านี้
พวกเขาได้เสื่อมเสียพระสิริของพระเจ้าไปจนถึงขั้นที่ได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันกับซาตานเสียแล้ว คำว่า “โลกหรือมนุษย์โลก” เป็นการบ่งชี้ว่ามนุษย์ได้กลายเป็นหนึ่งกับซาตานเพราะความบาปนั้น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือมนุษย์โลกได้กลายเป็นศัตรูกับพระเจ้าไปเสียแล้ว การที่ยอห์น 3:16 ได้กล่าวว่ามนุษยชาติก็คือ “โลก” นั้นเป็นคำที่ชี้ให้เห็นถึงความเลวร้ายที่มนุษย์ได้ละทิ้งพระสิริและสง่าราศีของพระเจ้าไปแล้วอย่างสิ้นเชิง แต่ทว่าพระเจ้าทรงรักโลก นั่นก็คือรักมนุษย์ที่ชั่วร้ายที่สุดในท่ามกลางมนุษย์ที่ชั่วร้าย ยิ่งกว่านั้นพระเจ้ายังได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ให้กับเรา ไม่ใช่เพียงช่วยเราขึ้นสู่แผ่นดินสวรรค์ แต่เพื่อทุกคนที่เชื่อและวางใจในพระองค์นั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์.
1 ทิโมธี 1:15 กล่าวว่า “คำนี้เป็นคำจริงและสมควรที่คนทั้งปวงจะรับไว้ คือว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลก เพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก”. เราได้มองเห็นแล้วว่าคำว่า “โลก” ในวลีที่กล่าวว่าพระคริสต์เยซูได้เสด็จเข้ามาในโลกนั้น (ภาษากรีกเป็นคำเดียวกับคำว่า “มนุษย์โลก”) พระองค์เสด็จมาในโลกโดยการเข้ามาอยู่ท่ามกลางมนุษยชาติก็เพื่อจะช่วยคนบาปให้รอด. ขณะที่เปาโลยังเป็นเซาโลแห่งเมืองทาร์ซัสนั้นท่านเป็นคนบาปในลำดับต้นๆ. ถ้าหากพระคริสต์มาช่วยเพียงคนปกติ คนที่เที่ยงตรงหรือคนชอบธรรม ถ้าเป็นเช่นนั้นเปาโลก็ต้องจบสิ้นกัน ท่านก็คงไม่อาจมีส่วนในความรอดของพระเจ้า. ขณะที่พระคริสต์มาช่วยคนบาปนั้นพระองค์ได้ยึดถือเอาคนบาปเป็นเป้าหมายเพื่อจะกู้พวกเขาให้กลับคืนดีกับพระเจ้า พระประสงค์ของพระองค์ก็คือต้องการช่วยเรา นั่นก็คือช่วยคนบาปที่อยู่บนแผ่นดินโลกให้รอด.
1 ยอห์น 4:10 กล่าวว่า “ความรักที่ข้าพเจ้าพูดถึงนี้มิใช่ที่เรารักพระเจ้า แต่ที่พระองค์ทรงรักเรา และทรงใช้พระบุตรของพระองค์มาทรงเป็นผู้ลบล้างพระอาชญาที่ตกกับเราทั้งหลายเพราะบาปของเรา”. เราอาจจะไม่เข้าใจภาพลักษณ์อันลึกซึ้งต่อความหมายที่ซ่อนอยู่ภายในของข้อพระคัมภีร์ในลักษณะนี้ พระเจ้าทรงเป็นความรัก ไม่ใช่เรารักพระองค์ แต่พระองค์ต่างหากที่ทรงรักเรา เราอาจจะไม่เคยคำนึงถึงพระเจ้า ยิ่งกว่านั้นเราอาจจะปฏิเสธพระองค์ด้วยซ้ำไป คำว่า “เรา” ในข้อนี้ได้ชี้ถึงมนุษย์ที่อยู่ในความบาปแห่งโลก พระเจ้าไม่เพียงรักโลกและมนุษย์ผู้เป็นคนบาปในโลก แต่พระองค์ก็ยังทรงรักเราด้วย ด้วยเหตุนี้พระเจ้าทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา เพื่อเป็นเครื่องบูชาระงับพระพิโรธเพราะความบาปของเรา ด้วยเหตุนี้ความรักของพระองค์จึงได้สำแดงให้ปรากฏออกมา
มัทธิว 9:10–13 กล่าวว่า “เมื่อพระองค์ประทับเสวยพระกระยาหารอยู่ในเรือน มีคนเก็บภาษีและคนบาปอื่นๆหลายคน เข้ามาร่วมสำรับกับพระเยซู และกับพวกสาวกของพระองค์ เมื่อพวกฟาริสีเห็นแล้ว ก็กล่าวแก่สาวกของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของท่านจึงรับประทานอาหารด้วยกันกับคนเก็บภาษีและคนนอกรีตเล่า” เมื่อพระเยซูทรงทราบดังนั้นแล้วก็ตรัสว่า “คนเจ็บต้องการหมอ แต่คนสบายไม่ต้องการ ท่านทั้งหลายจงไปเรียนคัมภีร์ข้อนี้ให้เข้าใจที่ว่าเราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา ด้วยว่าเรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนที่เห็นว่าตัวชอบธรรม แต่มาเรียกคนที่พวกท่านว่านอกรีต” เรือนที่ได้กล่าวถึงในที่นี้ไม่ได้หมายถึงครอบครัวที่ดำเนินชีวิตโดยทั่วๆ ไป แต่หมายเล็งถึงครอบครัวของคนบาปและคนเก็บภาษี
แม้ว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าและมนุษย์ แต่พระองค์ก็ได้เอนกายลงร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขา พระองค์ได้รับสุขช่วงเวลานั้นซึ่งคนเก็บภาษีและคนบาปทั้งหมดก็คือ “อันธพาล” ในสมัยก่อน พวกเขาได้ร่วมชุมนุมด้วยกันกับพระองค์ แต่ว่าเหตุการณ์เช่นนี้เหล่าฟาริสีถือว่าเป็นการผิดพระบัญญัติ พวกฟาริสีในที่นี้ก็เปรียบเสมือนพวกที่ตั้งกฎเกณฑ์ของตนเองขึ้นมาเพื่อดำเนินชีวิตให้บริสุทธิกว่าคนอื่นๆ “พวกฟาริสี” ที่ดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติอยู่นั้นได้มาสอบถามพระเยซูว่าทำไมพระองค์รับประทานอาหารด้วยกันกับ “พวกอันธพาล” และ “คนนอกรีต” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบว่าคนสุขภาพดีไม่ต้องการหมอ
คนๆ หนึ่งถ้าเขามีสุขภาพที่ดีเขาก็สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติเขาก็คงไม่ต้องการการรักษาที่ “คลินิก” คนที่มีสุขภาพดีหรือสุขภาพแข็งแรงนั้นไม่ต้องไปตรวจรักษาที่คลินิก พระเยซูผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้าไม่ได้มาเพื่อคนที่คิดหรือรู้สึกว่าตนเองมีสุขภาพดี เพราะคนที่มีสุขภาพดีนั้นไม่ต้องการหมอ แต่พระองค์มาเพื่อผู้ที่เป็นคนป่วย …องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาป. นี่ก็คือน้ำพระทัยของพระองค์