2 ทิโมธี 1 : 8 “อย่าละอายที่จะเป็นพยานฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา หรือฝ่ายตัวข้าพเจ้าที่ถูกจำจองอยู่เพราะเห็นแก่พระองค์ แต่จงมีส่วนในการยากลำบาก เพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐ โดยอาศัยฤทธิ์เดชแห่งพระเจ้า”
อ.เปาโลเขียนจดหมาย 2 ทิโมธี ในเวลาที่คริสเตียนในขณะนั้นอยู่ในช่วงของการข่มเหงอย่างหนัก คริสเตียนดำเนินชีวิตท่ามกลางความยากลำบากอย่างมากเพราะเรื่องของพระเยซูเป็นที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม และคริสเตียนเองถูกดูถูกและใส่ร้าย ไม่เป็นที่นิยมชมชอบ เป็นเหตุให้ทีมงาน อ.เปาโลหลายคนได้ละทิ้ง อ.เปาโล และต่างก็อ่อนแอละทิ้งความเชื่อ (2ทธ.1:15, 2ทธ.4:10, 2ทธ.4:14) ในสภาพแรงกดดันเช่นนี้ อ.เปาโล ได้เขียนจดหมายหนุนใจทิโมธีไม่ให้มีความละอายใน 3 สิ่ง ดังนี้
- ไม่มีความละอายในการเป็นพยานเรื่องของพระเยซูคริสต์ (ข้อ 8) “อย่าละอายที่จะเป็นพยานฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา..”
ผู้รับใช้พระเจ้าที่ดีต้องไม่ละอายที่จะเป็นพยานเรื่องของพระเยซูคริสต์ คำว่า “เป็นพยาน” ในที่นี้หมายถึงการกล่าวถึงหลักฐาน การพูดชี้แจงถึงความจริงของพระเยซูคริสต์ การเป็นพยานด้วยชีวิตและประสบการณ์ของคริสเตียนจะเป็นหลักฐานที่สำคัญที่จะยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าพระเยซูคริสต์ทรงพระชนม์อยู่ (มธ.8:4) การจะมีความ “ละอาย” ในการเป็นพยานนั้น อาจเกิดได้จาก 2 ประการคือ
เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งเพราะเป็นอาการของคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าอย่างแท้จริง พระเยซูได้บอกไว้ว่าหากใครละอายพระองค์ พระองค์ก็จะละอายเขาเช่นเดียวกัน (มก.8:38)
ในสมัยของทิโมธีไม่ต่างจากสภาพปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่เห็นว่าเรื่องของพระเยซูเป็นเรื่องไร้สาระ โง่เขลา หลงผิด การเป็นผู้ประกาศและเป็นพยานย่อมเผชิญกับแรงกดดันจากสังคม แต่หน้าที่ที่สำคัญที่พระเจ้าทรงเรียกให้คริสเตียนมีส่วนในการรับใช้คือการบอกเล่าเรื่องของพระเยซูให้แก่คนทั้งหลาย เพราะเป็นข่าวสารแห่งความรอดที่มีค่ามากที่สุด และเป็นคำตอบสำหรับทุกสิ่ง (รม.1:16 , อฟ.5:15-16 , คส.4:5)
- การแสดงตัวร่วมกับผู้รับการข่มเหงเพื่อพระเจ้า (ข้อ 8) ”หรือฝ่ายตัวข้าพเจ้าที่ถูกจำจองอยู่เพราะเห็นแก่พระองค์”
อ.เปาโลถูกขังคุกเพราะข่าวประเสริฐ ไม่สามารถเดินทางไปรับใช้พระเจ้าในสถานที่ต่าง ๆ ได้เช่นเดิม จึงต้องการผู้ร่วมงานที่จะคอยช่วยเหลือเพื่อจะยังคงรับใช้ต่อไปได้ แต่ดูเหมือนว่ามีหลายคนละทิ้ง อ.เปาโล เพราะไม่ต้องการแสดงตัวร่วม (2ทธ.4:16) เหมือนดั่งเหตุการณ์ที่เปโตรเคยปฏิเสธพระเยซูถึง 3 ครั้ง เมื่อพระเยซูถูกจับและกำลังจะถูกตรึงกางเขน เพราะเปโตรเกรงว่าจะต้องรับโทษร่วมกับพระเยซูหรือจะทำให้ชื่อเสียงหม่นหมอง จึงขอปลีกตัวเองออกไป ท่าทีเช่นนี้แสดงถึงจิตใจภายในที่ไม่ถูกต้อง อย่างน้อยที่สุดหากรู้ว่าอะไรเป็นความจริง และรู้ว่าพี่น้องมีปัญหาเพราะสิ่งดีที่ทำเพื่อพระเจ้า เราควรยินดียืนอยู่ข้างเขา การปฏิเสธที่จะแสดงตัวร่วมกับผู้ถูกข่มเหงเพื่อพระเยซู ก็เหมือนปฏิเสธพระเยซูคริสต์และพระราชกิจของพระองค์ หากวันแห่งการข่มเหงมาถึง นั่นเป็นเวลาที่ต้องการผู้ที่จะแสดงตัวร่วมและผู้ที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาไม่ใช่เวลาผละหนีไป แม้คนกลุ่มหนึ่งถูกข่มเหงไม่อาจรับใช้พระเจ้าได้อย่างอิสระ คนที่เหลือก็ยังคงยืนหยัดในการรับใช้พระเจ้าต่อไปโดยไม่ทอดทิ้งกัน
- การรับความทุกข์เพื่อพระเจ้า (ข้อ 8) “..แต่จงมีส่วนในการยากลำบาก เพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐ โดยอาศัยฤทธิ์เดชแห่งพระเจ้า”
พระเยซูทรงเตือนไว้ล่วงหน้าว่าการเป็นผู้รับใช้พระเจ้าย่อมพบการกดขี่ข่มเหงและความทุกข์ยากลำบาก (ยน.15:20 , ยน.16:2, ยน.16:33) ไม่มีใครอยากพบความลำบาก แต่ถ้าเกิดขึ้นเพราะมีเหตุผล ก็จะทำให้เราสามารถรับสิ่งเหล่านั้นได้
การเป็นพยานและการสร้างคริสตจักรของพระเจ้าเป็นงานที่พระเยซูฝากไว้ให้ผู้รับใช้ของพระองค์ทำ เราจึงควรยินดีเผชิญทุกสิ่ง ถ้าหากจะทำให้งานนั้นสำเร็จได้ อ.เปาโลสามารถหนุนใจทิโมธีได้จากชีวิตของท่านที่ยินดีรับความทุกข์ยากทุกสิ่งเพื่อพระเจ้า (คส.1:24, 1ธส.2:2, 1ธส.2:9, 2คร.11:23-28) การรับความทุกข์ยากในการรับใช้พระเจ้า จึงไม่ใช่สิ่งที่แสดงว่าพระเจ้าไม่อยู่ด้วย อย่าต่อว่า สงสัยพระเจ้าหรือการทรงเรียกในชีวิต แต่ควรรับไว้ด้วยความเข้าใจและยินดี เพราะพระเจ้าทรงเรียกเราให้มีส่วนในความทุกข์ยากร่วมกับพระองค์ (ฟป.1:29, 1ปต.4:14-16) อย่าละอายที่ต้องรับความทุกข์ยากเพื่อพระนามของพระเจ้า แต่ควรละอายเมื่อทำสิ่งผิดต่อพระเจ้า
อ.เปาโลสามารถผ่านความทุกข์ยากต่าง ๆ มาได้โดยพึ่งฤทธิ์เดชของพระเจ้า พระเยซูทรงโปรดประทานพระคุณและช่วยเหลือผู้รับใช้ของพระองค์เสมอ (ยน.16:33, ฟป.4:13) ในคริสตจักรสมัยแรกที่เยรูซาเล็มก็ได้เผชิญความทุกข์ยากโดยพึ่งพาพระคุณพระเจ้า อ.เปโตร และ อ.เปาโล ต่างเคยออกจากคุกมาโดยอัศจรรย์ (กจ.5:19, กจ.12:7, กจ.16:25-26) เราจึงไม่ควรกลัวความทุกข์ยาก เพราะพระคุณของพระเจ้าจะมาเพียงพอและทันเวลาเสมอ และเมื่อเวลาของการข่มเหงมาถึง พระเจ้าจะทรงสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์เองอย่างแน่นอน
ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์เป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งต่อความรอดมนุษย์ทุกคน คริสเตียนไม่อาจละเลยในหน้าที่ที่พระเยซูทรงมอบหมายไว้ได้ เราไม่ควรละอายที่จะประกาศข่าวประเสริฐ แต่ยินดีเป็นพยานด้วยประสบการณ์ชีวิตของเรา และควรร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้ที่ยืนหยัดอยู่ฝ่ายพระองค์