หายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก
การหายใจที่ถูกต้องนั้น เวลาหายใจเข้า ท้องจะป่องออก เพราะช่องปอดขยาย ดันกระบังลมเข้ามาสู่ช่องท้อง ท้องจึงป่องออก ส่วนในขณะหายใจออกนั้น ท้องจะต้องแฟบหรือยุบลงค่ะ เพราะกระบังลมกลับมาคืนที่และดันลมในช่องปอดออกไปพร้อมกับลมหายใจ ทบทวนกันอีกครั้งนะคะ หายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบค่ะ ตอนนี้เราจะหายใจไปพร้อมๆ กันนะคะ ขอให้ท่านผู้ฟังวางมือประสานที่หน้าท้อง หายใจเข้าช้าๆ นะคะ หัวไหล่อยู่นิ่งๆ ไม่ต้องขยับค่ะ ส่วนท้องนั้นต้องป่องออกนะคะ ดีมากค่ะ ต่อไปหายใจออกนะคะ ท้องจะแฟบลง มือจะลดตามลงไปด้วย …… หายใจเข้าค่ะ ช้าๆ เต็มที่นะคะ หายใจออกค่ะ ดีมากค่ะ
เราพบว่า การหายใจลึกๆ จะให้ประโยชน์แก่ร่างกายดังนี้ ค่ะ
- ช่วยให้นอนหลับได้ลึกยิ่งขึ้น
- ช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบหายใจ
- ทำให้สมองแจ่มใสจากการที่ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
- ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย
ขอให้สำรวจหมั่นเตือนตนเอง ให้หายใจเข้าออกลึกๆ ไม่ว่าจะเป็นในขณะออกกำลังกาย หรือแม้แต่ขณะนั่งทำงาน การหายใจลึกๆ ช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่สมอง ทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยผ่อนคลายความเครียดอีกด้วย สำหรับท่านผู้ฟังที่ทำงานในห้องแอร์ ก็อย่าลืมออกไปสัมผัสกับอาการบริสุทธิ์ภายนอกบ้างนะ เช่นอยู่ใต้ต้นไม้ในเวลากลางวัน หรืออาจจะแง้มหน้าต่างๆไว้นิดๆ เพื่อให้อากาศในห้องมีการหมุนเวียน นี่เป็นเคล็ดลับที่ทำให้ท่านมีสุขภาพกายที่ดี
พระคัมภีร์ในพระธรรม สดุดี 150:6 กล่าวว่า “จงให้ทุกสิ่งที่หายใจ สรรเสริญพระเจ้า จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด” เราสรรเสริญขอบคุณพระเจ้าสำหรับสุขภาพที่ดี สรรเสริญพระองค์สำหรับหน้าที่การงาน ครอบครัว และสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต สรรเสริญพระองค์สำหรับร่างกายของเราที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างอัศจรรย์ ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรทุกท่านให้มีปอดที่แข็งแรง มีสมองที่แจ่มใส และมีความสุขในการดำเนินชีวิตนะคะ