ลูกา 14 : 25 – 26 คนเป็นอันมากได้ไปกับพระองค์ พระองค์จึงทรงเหลียวหลังตรัสกับเขาว่า ”ถ้าผู้ใดมาหาเราและไม่ชังบิดามารดา บุตรภรรยา และพี่น้องชายหญิง แม้ทั้งชีวิตของตนเองด้วย ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้
ลูกา 14 : 33 – 35 ก็เช่นนั้นแหละ ทุกคนในพวกท่านที่มิได้สละสิ่งสารพัดที่ตนมีอยู่ จะเป็นสาวกของเราไม่ได้ ”เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าแม้เกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้จะใช้เป็นปุ๋ยใส่ดินก็ไม่ได้ จะหมักไว้กับกองมูลสัตว์ทำปุ๋ยก็ไม่ได้ แต่เขาก็ทิ้งเสียเท่านั้น ใครมีหู จงฟังเถิด”
พระธรรมลูกาบทที่ 14 : 25 – 35 เป็นสิ่งบอกเหตุที่พระเจ้าทรงสอนว่าเราจะติดตามพระองค์ได้อย่างไร จากพระคำของพระองค์ในข้อที่ 26 เราจำเป็นที่จะต้องชังทุกสิ่งหรือทุกคนที่ขัดขวางหรือเบี่ยงเบนไปจากชีวิตที่จะติดตามไปกับองค์พระผู้เป็นเจ้า พระประสงค์ของพระคริสต์ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะให้ผู้ที่ติดตามพระองค์เกลียดชังผู้ใด แต่พระองค์ทรงบอกให้เราเลือกที่จะติดตามพระองค์โดยไม่มีสิ่งใดขัดขวาง
ในพระธรรมลูกา 14 : 26 ดูเหมือนจะสอนให้เราชัง บิดา, มารดา, ญาติพี่น้อง แม้กระทั่งตัวเราเอง ที่พระองค์ตรัสเช่นนี้ก็เพราะว่า “ความรัก” ในลักษณะนี้จะส่งผลอย่างมากในการเลือกที่จะติดตามพระคริสต์อย่างซื่อสัตย์ สิ่งที่พระเจ้าตรัสบอกก็คือเหตุการณ์หรือสิ่งที่มาขัดขวาง มิใช่ตัวบุคคล สิ่งใดก็ตามที่ขัดขวางพันธกิจและการติดตามพระคริสต์อย่างสัตย์ซื่อควรจะเป็นสิ่งที่เราจะต้องหลีกเลี่ยง
เราทั้งหลายจำเป็นจะต้องมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่และมั่นคงในการติดตามพระคริสต์ การติดตามพระคริสต์อย่างมั่นคงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตในพระองค์นั้นเติบโต และส่งผลให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงเหมือนกับพระองค์มากขึ้น เราไม่สามารถปรนนิบัตินายพร้อม ๆ กัน สองคนได้ ลูกา 16 : 33 ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เพราะว่าจะชังนายข้างหนึ่ง และจะรักนายอีกข้างหนึ่ง
พระเจ้าได้ตรัสถึงผู้เชื่อว่าเหมือน เกลือแห่งแผ่นดินโลก และถ้าเกลือหมดรสเค็ม ชีวิตของเขาก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นความเค็มของเกลือเหมือนกับคุณค่าของผู้ที่ติดตามพระคริสต์ ชีวิตของเขาจะมีประโยชน์ต่อโลกที่กำลังล่มสลายด้วยความผิดบาปนี้ ก็ต่อเมื่อเขามั่นคงในการติดตามพระองค์อย่างแน่วแน่เท่านั้น ถ้ามีสิ่งใดที่มาทำให้่ชีวิตไขว้เขวไป ก็จะทำให้หนทางในการติดตามพระองค์เบี่ยงเบนไป ความเป็นเกลือของผู้ติดตามพระองค์ก็จะลดลงด้วยดุจเดียวกัน
เกลือที่หมดรสเค็มแล้วใช้ประโยชน์ใด ๆ ไม่ได้ เพราะเป็นชีวิตที่ปราศจากคุณค่า การติดตามพระคริสต์มิได้หมายเพียงแค่เป็นผู้มีความเชื่อเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการมีชีวิตร่วมกับพระองค์ เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับพระองค์ ยอมให้พระองค์เป็นหนึ่งเดียวในชีวิตของเรา เป็นเหมือนกับบุตรที่ยอมรับความความเป็นบิดาของผู้เป็นพ่อ จากนั้น ผลแห่งการยอมรับและการเป็นหนึ่งเดียวนั้นจะส่งผลให้ เราได้ร่วมรับชีวิตนิรันดร์บนสวรรค์ร่วมกันกับพระองค์
ดังนั้นชีวิตที่จะติดตามพระคริสต์เป็นชีวิตที่ต้องเลือก เป็นชีวิตที่ต้องต่อสู้ เป็นชีวิตแห่งความขัดแย้ง โดยทุกสิ่งนั้นเป็นการกระทำเพื่อพระเจ้าทั้งสิ้น ผู้ติดตามพระองค์ต้องต่อสู้ต่อความต้องการของร่างกาย ต่อสู้กับความกลัว ต่อสู้กับความไม่แน่ใจ ต่อสู้กับความหวาดหวั่นต่ออนาคตที่จะมาถึง โดยมีเพียงพระคำของพระเจ้าเท่านั้นเป็นเครื่องปลอบใจ และยืนยัน แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดผลได้จริง และเป็นรูปธรรมเมื่อท่านได้พิสูจน์พระเจ้าและติดตามพระองค์อย่างแท้จริง พระองค์ทรงตรัสกับผู้ที่จะติดตามพระองค์ว่า “มาดูเถิด” แล้วเมื่อเราได้ติดตามพระองค์อย่างแน่วแน่ มุ่งมั่นแล้วท่านจะได้รับรู้ว่า “พระเจ้าแสนดีเพียงใด”