เราทุกคนทราบดีว่า ดวงตาเป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้อวัยวะอื่นนะคะ ถ้าเรามองไม่เห็น ชีวิตของคงมืดมน วันนี้ทางรายการของเรามีคำแนะนำวิธีการดูแลดวงตามาฝากท่านผู้ฟังค่ะ
1. ไม่มองแสงแดดหรือจ้องไปยังดวงอาทิตย์ค่ะ
2. เมื่อท่านจะอ่านหนังสือหรือใช้คอมพิวเตอร์ ขอให้ทำในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอนะคะ
3. รับประทานอาหารที่มีคุณค่าอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะพืชผักผลไม้ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยป้องกันโรคจอตาเสื่อม โรคต้อกระจก และโรคอื่นๆ ได้ค่ะ และอย่าลืมดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวันด้วยนะคะ อย่างน้อยประมาณวันละ 8-12 แก้วค่ะ
4. นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ เพราะขณะที่เรานอนหลับ ดวงตาของเราได้พักผ่อน และยังเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออีกด้วย นอกจากนี้การพักสายตาเป็นระยะขณะที่ท่านผู้ฟังอ่านหนังสือหรือทำงานที่ใช้สายตาก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน โดยควรพักครั้งละ 5-10 นาทีทุกๆ ชั่วโมงค่ะ โดยหลับตานิ่งๆ หรือปล่อยให้สายตาทอดมองวัตถุในระยะไกล
5. หลีกเลี่ยงฝุ่นหรือเชื้อโรคเข้าตาและอย่าใช้มือที่ไม่สะอาดขยี้ตานะคะ เพราะจะทำให้ตามีการอักเสบติดเชื้อได้ค่ะ
6. ระยะห่างระหว่างสายตากับหนังสือหรือคอมพิวเตอร์ก็มีส่วนสำคัญนะคะ เพราะอาจจะทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาทำงานหนักเพิ่มขึ้นได้ถ้าเรามองใกล้หรือไกลเกินไป สำหรับจอคอมพิวเตอร์ควรห่างประมาณ 50-70 ซม. ค่ะ ถ้าเป็นหนังสือ ควรห่างประมาณ 30-40 ซม. ค่ะ
7. ควรสวมแว่นกันแดดเป็นประจำเมื่อออกแดดหรือต้องใช้สายตาในที่มีแสงมากเพื่อป้องกันโรคตาบางชนิด เช่น ต้อลม ต้อเนื้อ กระจกตาเป็นฝ้า ต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อม
8. หมั่นรับการตรวจตาเป็นประจำโดยจักษุแพทย์ สำหรับผู้สูงอายุ เกิน 40 ปีขึ้นไป มีคำแนะนำให้ตรวจตาปีละ 1 ครั้งค่ะ
เราทุกคนรักและหวงแหนดวงตาของเรา ท่านผู้ฟังทราบไหมคะว่า พระเจ้าก็ทรงหวงแหนท่านเช่นเดียวกัน ดังในพระคำ เฉลยธรรมบัญญัติ 32:10 ซึ่งกล่าวว่า “พระเจ้าทรงพบเขาในแผ่นดินทุรกันดาร ในที่เปลี่ยวเปล่ามีแต่เสียงเห่าหอน พระองค์ทรงโอบล้อมเขาไว้ และทรงดูแลเขาอยู่ ทรงรักษาเขาไว้ดังแก้วพระเนตรของพระองค์” เมื่อเรากำลังประสบปัญหา หาทางออกไม่ได้ เมื่อเรากำลังรู้สึกอ้างว้างเหมือนดังอยู่ในที่เปลี่ยวทุรกันดาร พระเจ้าทรงตามหาเรา พระองค์จะทรงโอบกอดเราและทรงดูแลเราดังแก้วตาดวงใจของพระองค์ค่ะ