ข่าวประเสริฐที่พระเจ้าได้ทรงประทานให้กับมนษยชาติเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ในครั้งที่สอง ได้ถูกบันทึกอยู่ในพระธรรมเล่มสุดท้ายในบทที่ 14 คือข่าวของทูตสวรรค์ทั้ง 3 องค์ การประกาศข่าวประเสริฐของทูตสวรรค์ในครั้งนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเตือนครั้งสำคัญที่พระเจ้าได้ทรงประทานผ่านทูตสวรรค์มาสู่พลไพร่ของพระองค์ในโลกนี้ ข่าวประเสริฐของพระเจ้านั้นครั้งนี้เป็นการสรุปรวมข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศมาแล้วทั้งหมดในโลกนี้ให้รวบรวมเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวอย่างครบถ้วน โดยไม่มีขาดตกบกพร่อง
ทูตสวรรค์ได้ประกาศข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะ ซึ่งเป็นข่าวประเสริฐ (ข่าวดี) ที่ได้ถูกประกาศมาตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงที่สุดปลาย ซึ่งหมายความว่าข่าวประเสริฐนี้เป็นข่าวที่จะยังคงอยู่ตลอดไปไม่มีกาลเวลา ไม่มีที่สิ้นสุด คำว่าอมตะนั้นหมายถึง “พระเจ้า” เพราะพระเจ้าเท่านั้นทรงเป็นอมตะ 1 ทิโมธี 1 : 17 “พระเกียรติและพระสิริจงมีแด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระเจริญอยู่นิรันดร์ ผู้ทรงเป็นองค์อมตะ ซึ่งมิได้ปรากฏพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าแต่องค์เดียวสืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน” ดังนั้นข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะนั้นจึงเป็นข่าวประเสริฐที่เกี่ยวข้องกับพระองค์โดยตรง ซึ่งก็คือพระลักษณะของพระองค์ “พระเจ้าทรงเป็นความรัก” 1 ยอห์น 4 : 8 เป็นสิ่งที่ถูกประกาศไปทั่วทั้งจักรวาลและสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง จะต้องรับรู้ถึงสิ่งนี้ “ความรัก” เป็นข่าวประเสริฐที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงให้แก่จักรวาลอันกว้างไกลนี้ได้รับทราบว่า พระองค์ทรงเป็น อพยพ 3 : 14 “พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า “เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น” แล้วพระองค์ตรัสว่า “ไปบอกชนชาติอิสราเอลว่า พระองค์ผู้ทรงพระนามว่า เราเป็น ทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย”
พระองค์ทรงเป็นดังเช่นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ฮิบรู 13 : 8 “พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อๆไปเป็นนิจกาล” ด้วยเหตุนี้ข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะที่กว่าว่า “พระเจ้าทรงเป็นความรัก” นั้นได้สำแดงออกมาโดย ยอห์น 3 : 16 – 17 “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น” 1 ยอห์น 4 : 10 “ความรักที่ข้าพเจ้าพูดถึงนี้มิใช่ที่เรารักพระเจ้า แต่ที่พระองค์ทรงรักเรา และทรงใช้พระบุตรของพระองค์มาทรงเป็นผู้ลบล้างพระอาชญาที่ตกกับเราทั้งหลายเพราะบาปของเรา” พระองค์ได้ทรงสำแดงความรักมาเพื่อเป็นพยานแก่โลกทั้งหลายว่าพระองค์นั้นทรงรักสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงสร้างด้วยสุดจิตสุดใจของพระองค์ เยเรมีย์ 31 : 3 “พระเจ้าทรงปรากฏแก่เขาจากที่ไกล ตรัสว่า ‘เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป”
ข่าวประเสริฐนี้เป็นข่าวที่จะต้องสำแดงให้แก่มนุษยชาติทั้งโลกได้รับรู้ว่าจักรวาลนี้มีพระเจ้า และพระเจ้าองค์นี้ทรงรัก และทรงห่วงใยเขาทั้งหลาย เฉลยธรรมบัญญัติ 32 : 10 -11 “พระองค์ทรงพบเขาในแผ่นดินทุรกันดาร ในที่เปลี่ยวเปล่ามีแต่เสียงเห่าหอน พระองค์ทรงโอบล้อมเขาไว้ และทรงดูแลเขาอยู่ ทรงรักษาเขาไว้ดังแก้วพระเนตรของพระองค์ เหมือนนกอินทรีที่กวนรังของมันกระพือปีกอยู่เหนือลูกโต กางปีกออกรองรับลูกไว้ให้เกาะอยู่บนปีก” ด้วยความรักนี้เองทำให้โลกที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและกำลังจะพินาศได้มีความหวัง และหนทางที่จะพ้นจากความบาปนี้ไปสู่แผ่นดินของพระองค์ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่า พระเจ้านั้นทรงเที่ยงแท้และสัตย์จริง ความรักของพระองค์นั้นเที่ยงตรงและไม่ผันแปร ซึ่งสร้างความหวังและกำลังใจแก่มนุษย์ผู้ตกลงในความผิดบาปทุก ๆ คน
.
ข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะนี้ เป็นข่าวประเสริฐที่ต้องถูกประกาศไปให้มนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกเผ่าพันธุ์ ให้ได้รับทราบอย่างทั่วถึงกันทุกคนเพื่อให้มนุษย์ทุกคนได้รับทราบความจริงนี้ และเลือกว่าจะยอมรับความรักของพระองค์หรือไม่ เพราะความรักนั้นไม่สามารถที่จะเกิดจากการบังคับใจได้ แต่ต้องเกิดจากความเต็มใจ และความรู้สึกที่เกิดจากภายในของบุคคลเท่านั้น
ข่าวประเสริฐของทูตสวรรค์ทั้ง 3 องค์นี้เป็นข่าวประเสริฐพิเศษที่พระเจ้าทรงประทานแก่มนุษย์เพื่อทบทวน และตระเตรียมพลไพร่ของพระองค์ให้พร้อมสำหรับวาระสุดท้าย โดยการย้ำให้มนุษย์ได้หันกลับมาถวายพระเกียรติ และนมัสการพระผู้สร้าง, ให้พลไพร่ที่แท้จริงของพระองค์ปลีกตัวออกมาจากบาบิโลนที่ล่มสลายแล้ว, และสุดท้ายให้พลไพร่ของพระองค์ได้รับการประทับตราก่อนการกดขี่ข่มเหงและการขัดแย้งอย่างยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้น โลกทั้งๆ โลกจะต้องก้าวเข้าสู่วิบากกรรมนี้ก่อนการมาปรากฏของพระเยซูคริสต์เพื่อช่วยพลไพร่ของพระองค์ให้รอด มัทธิว 24 : 21 – 22 “ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และในเบื้องหน้าจะไม่มีต่อไปอีก ถ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีมนุษย์รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้เลือกสรร จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า” ดังนั้นประเด็นสำคัญและจุดเริ่มต้นแรกของข่าวประเสริฐสุดท้ายคือการย้ำเตือนให้พลไพร่ของพระเจ้าพึงระลึก และมั่นใจว่า ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ยังมีพระเจ้าที่ทรง “รัก” และ “ห่วงใย” เราอยู่เสมอ