อฟ.2:15 คือการเป็นปฏิปักษ์กัน โดยในเนื้อหนังของพระองค์ ได้ทรงให้ธรรมบัญญัติอันประกอบด้วยบทบัญญัติและกฎหมายต่างๆนั้นเป็นโมฆะ เพื่อจะกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นคนใหม่คนเดียวในพระองค์ เช่นนั้นแหละจึงทรงกระทำให้เกิดสันติสุข
อฟ.4:24 และให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง
สิ่งที่เราต้องการในวันนี้ไม่ใช่ความรู้ที่เป็นหลักธรรม แต่คือประสบการณ์ที่เป็นจริงในชีวิตประจำวัน โดยการยึดพระคริสต์ เป็นแบบอย่างและกลายเป็นชีวิตของเรา. เรามักจะกล่าวถึงเรื่องคริสตจักรคือบุคคลที่บังเกิดเป็นคนใหม่ ซึ่งการที่จะกลายเป็นคนใหม่ได้นั้น เราจำต้องยึดพระคริสต์เป็นชีวิตและตัวตนของเรา ในท่ามกลางผู้เชื่อทั้งหลายนั้นยังมีความเข้าใจในเรื่องนี้น้อยมาก เราไม่ควรพึงพอใจเพียงแค่ว่ามีผู้อื่นถือว่าเราเป็นคนดีเคร่งครัดเท่านั้น. แต่เราจำต้องเป็นคนที่ยึดพระคริสต์เป็นชีวิตและตัวตนของเรา ขอให้เราทุกคนเข้ามายังเบื้องพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และรับการสร้างชีวิตขึ้นใหม่โดยพระองค์และจากพระองค์เกี่ยวกับรายละเอียดทั้งหมดในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา.
เราอาจจะไม่ค่อยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ยึดพระคริสต์เป็นชีวิตและตัวตนของเรา.” บ่อยเท่าใดนักในคริสตจักร แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปรากฏจริงในพระคัมภีร์ เนื่องจากคริสตจักรก็คือผู้ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่และวันนี้ผู้ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่นั้นจำเป็นจะต้องได้รับการสร้างจนมีชีวิตที่เหมือนกับองค์พระเยซูคริสต์ และมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นมีชีวิตของพระองค์อยู่ภายในนั่นเอง. เรารู้ถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร? เรารู้ได้เนื่องจากหนังสือ เอเฟซัส 3:17 กล่าวว่า “เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจของท่านทางความเชื่อ….” เพราะเมื่อพระคริสต์จะทรงสถิตและพักพิงอยู่ในใจของท่านแล้ว นี่ก็หมายความว่าพระองค์ประสงค์ที่จะกลายเป็นชีวิตจริง ๆ อยู่ภายในตัวของท่านด้วย และท่านก็จะไม่ได้เป็นเจ้าของตัวเองอีกต่อไป หนังสือเอเฟซัสได้กล่าวไว้ชัดเจนกว่าหนังสือเล่มอื่นๆ ว่าเราต้องยอมให้พระคริสต์กลายเป็นผู้ที่สถิตอยู่ภายในใจของเรา และสิ่งนี้ก็เนื่องมาจากพระองค์ประสงค์ที่จะกลายเป็นชีวิตจริงๆที่อยู่ภายในตัวตนของเรา.
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้มิได้หมายความว่าเมื่อพระองค์ทรงอยู่ภายในขีวิตของท่านก็กลายเป็นตัวตนของท่านไปโดยแยกออกไปต่างหาก หรือเมื่อพระองค์ทรงอยู่ภายในข้าพเจ้าก็กลายเป็นตัวตนของข้าพเจ้าโดยแยกไม่เกี่ยวข้องกัน หรือแม้กระทั่งว่าพระองค์ทรงอยู่ในบุคคลผู้ใดพระองค์ก็จะกลายเป็นตัวตนของคนๆ นั้นโดยเอกเทศ. นี่เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง. ในความเป็นจริงแล้วพระองค์ทรงสถิตอยู่ภายในเราทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน. ชีวิตตัวตนที่อยู่ในท่านนั้นก็คือชีวิตตัวตนที่อยู่ในข้าพเจ้าด้วย. และพวกเราทุกคนต่างก็ล้วนมีชีวิตที่กลายเป็นตัวตนหนึ่งเดียวกัน และชีวิตตัวตนนี้ก็คือชีวิตของพระคริสต์โดยทางความเชื่อนั่นเอง.
ในพระกายซึ่งหมายถึงคริสตจักรนั้นเราต่างก็เป็นอวัยวะซึ่งกันและกัน แต่ในชีวิตที่กลายเป็นคนใหม่นั้นเรามีชีวิตของพระคริสต์เหมือนกันและเป็นหนึ่งเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจนกลายเป็นคน ๆ เดียวกันหรือชีวิตเดียวกันของเหล่าผู้เชื่อที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่แล้วนั้น จะไม่เพียงแค่รักซึ่งกันและกันหรือการกลายเป็นอวัยวะซึ่งกันและกันในคริสตจักรนั้นเท่านั้น แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปโดยการที่ทุกคนกลายเป็นคนๆ เดียวนั้นคือ การรักซึ่งกันและกัน การยอมซึ่งกันและกัน เมตตาต่อกัน และเป็นห่วงเป็นใยกัน มีความรู้สึกร่วมทุกข์สุขและเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้นเพราะเราทุกคนคือชีวิตเดียวกันและเป็นคนๆเดียวกัน
.
สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์คือพระกายหรือคริสตจักรที่ประกอบขึ้นด้วยผู้ที่บังเกิดใหม่. ผู้ที่บังเกิดใหม่เหล่านี้ยังเป็นผู้ที่ถูกก่อสร้างขึ้นใหม่อีกด้วย หรือหากกล่าวตามการเปิดเผยในพระคัมภีร์ก็คือผู้ที่ถูกเปลี่ยนแปลงแล้วนั่นเอง. จุดประสงค์ของการบังเกิดใหม่, ก่อสร้างขึ้นใหม่, และการเปลี่ยนแปลง ก็เพื่อให้เรากลายเป็นคริสตจักร.และคริสตจักรนี้คือ พระกายของพระคริสต์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินโลก และคริสตจักรนี้ก็ยังเป็นกลุ่มบุคคลผู้ที่มีชีวิตเปลี่ยนแปลงใหม่ หรือผู้ที่กำลังดำเนินการไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหม่ ที่ดำเนินชีวิตเพื่อแผนให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก. นี่คือสิ่งที่เราต้องหันกลับมาเพื่อฟื้นฟูความข้าใจของเราทั้งหลาย
คริสตจักรคือพระกายของพระคริสต์และพระกายนี้ก็คือ ความไพบูลย์ของพระคริสต์. ในความไพบูลย์นี้มีเพียงพระคริสต์เท่านั้นไม่ใช่เป็นเรื่องของตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง การได้รับการเปลี่ยนแปลงเป็นชีวิตใหม่และบุคคลใหม่ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการเป็นส่วนหนึ่งของพระกายเท่านั้น แต่การกลายเป็นคนใหม่นั้นเป็นเรื่องของชีวิตที่เป็นตัวตนของคน ๆ นั้น. และตัวตนนี้คือตัวตนที่ได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่โดยมีการทรงสถิตอยู่ร่วมกันของพระคริสต์และชีวิตของท่านเอง จนเป็นหนึ่งเดียวกัน