อสค.1:1…. ขณะเมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่ริมแม่น้ำเคบาร์ในหมู่พวกเชลย ท้องฟ้าเบิกออก และข้าพเจ้าได้เห็นพระเจ้าในนิมิต
กจ.26:19 ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าพระบาทจึงเชื่อฟังนิมิต ซึ่งมาจากสวรรค์นั้น และมิได้ขัดขืน
วว.21:2 ข้าพเจ้าได้เห็นวิสุทธนคร คือนครเยรูซาเล็มใหม่ เลื่อนลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า นครนี้ได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้วเหมือนอย่างเจ้าสาวแต่งตัวไว้สำหรับสามี
ทุกคนที่ปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องเป็นผู้ที่มีมีนิมิตที่มีสง่าราศีอย่างใดอย่างหนึ่ง. นิมิตที่ว่านี้ไม่ใช่หมายถึงว่าการมองเห็นของท่านเท่านั้นแต่คือสง่าราศีของพระเจ้า สิ่งที่ท่านมองเห็นนั้นคือสง่าราศีที่จะกระทำเพื่อถวายให้แด่พระเจ้า. ฉะนั้นเมื่อท่านมีนิมิตดังกล่าวสิ่งที่ท่านมองเห็นก็จะกลายเป็นสง่าราศีและนี่ก็คือนิมิตอันมีสง่าราศีที่มาจากพระเจ้า.
คำว่า “นิมิต” หมายถึงสิ่งจุดมุ่งหมายที่พิเศษ และวิเศษมากซึ่งไม่ธรรมดา, ไม่ใช่สิ่งสามัญ. นิมิตยังหมายถึงเหตุการณ์หรือทิวทัศน์. ท่านมองเห็นทิวทัศน์นั้นเนื่องจากมันปรากฏออกมา. ดังนั้นนิมิตจึงเป็นการมองเห็นที่พิเศษอย่างหนึ่ง. เราต้องรู้ว่าการปรนนิบัติพระเจ้าไม่ใช่เรื่องธรรมดาทั่วไป. สิ่งนี้ก็เนื่องจากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไม่ใช่เป็นสิ่งธรรมดาทั่วไป. ถ้าเราไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับการปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าและการเป็นพยานเพื่อพระองค์แล้วเราก็คือคนที่ไม่เห็นและไม่มีนิมิตนั่นเอง.
นิมิตของพระเจ้าคือการเปิดเผยของพระองค์ที่ทำให้พลไพร่ของพระองค์มองเห็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์, ที่อยู่ฝ่ายวิญญาณ, และเป็นฝ่ายสวรรค์. เอเสเคียลมองเห็นนิมิตที่อยู่ฝ่ายวิญญาณและเป็นฝ่ายสวรรค์นี้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเขา ภายใต้ฟ้าสวรรค์ที่เปิดออก (เทียบกับ อฟ.3:3-5; วว.1:10; 4:2; 17:3; 21:10) และเขาได้นำนิมิตเหล่านี้ ไปให้แก่พลไพร่ของพระเจ้าเพื่อจะฟื้นฟูและหนุนใจพวกเขาจากการเป็นเชลยเพื่อการก่อสร้างพระวิหารที่ประทับของพระเจ้า. สิ่งนี้ก็มาจากคำพยากรณ์ของยะเอเศเคียลซึ่งให้แก่พลไพร่ที่อยู่ภายใต้การเป็นเชลยเป็นสำคัญ (อสค.3:10-11) เพื่อว่าสุดท้ายแล้ว พวกเขาจะละทิ้งรูปเคารพโดยหันจิตใจของเขาสู่พระเจ้าและกลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอน ของเขาหลังจากผ่านการตกเป็นเชลยไป 70 ปี.
พระคัมภีร์ทั้งเล่ม และหนังสือเอเศเคียลเป็นภาพย่อของน้ำพระทัยของพระเจ้า และพระคัมภีร์ได้เปิดเผยว่า พระประสงค์ที่นิรันดร์ของพระเจ้าคือการที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะให้พลไพร่ของพระองค์ที่พระองค์ทรงเลือกสรรในโลกนี้นั้นเป็นเหมือนกับพระองค์ ทั้งในด้านชีวิต, อุปนิสัย, และพระฉายา เพื่อพวกเขาจะผสมผสานชีวิตของพวกเขาเข้ากับพระองค์เป็นกายเดียวกัน และถูกก่อสร้างร่วมกันในพระองค์ เพื่อสามารถเป็นที่ประทับของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ซึ่งเมื่อถึงวันหนึ่งที่พระเจ้าได้ตระเตรียมกรุงเยรูซาเล็มใหม่จะกลายเป็นสวรรค์สถานสำหรับที่พักอาศัยของมนุษย์ไปตลอดกาล ซึ่งจะเป็นจุดศูนย์กลางแห่งการเปิดเผยของพระองค์ และยังเป็นศูนย์กลางแห่งการความรอดนิรันดร์ที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่มนุษย์ไว้ตั้งแต่แรกสร้างโลก