2 ทิโมธี 1 : 2 – 7 ถึง ทิโมธีบุตรที่รักของเรา ขอพระคุณและพระเมตตา และสันติสุขจากพระบิดาเจ้า และพระเยซูคริสตเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงดำรงอยู่กับท่านเถิด 3 เมื่อข้าพเจ้าระลึกถึงท่านในการอธิษฐานอยู่เสมอนั้น ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าซึ่งข้าพเจ้าได้รับใช้ด้วยจิตสำนึกอันบริสุทธิ์เช่นบรรพบุรุษของข้าพเจ้า 4 ขณะเมื่อระลึกถึงน้ำตาของท่าน ข้าพเจ้าก็ปรารถนาทั้งวันทั้งคืนที่จะได้พบท่าน ซึ่งจะทำให้ข้าพเจ้ายินดีอย่างยิ่ง 5 ข้าพเจ้าระลึกถึงความเชื่ออย่างจริงใจของท่าน อันเป็นความเชื่อซึ่งเมื่อก่อนได้มีอยู่ในโลอิสยายของท่าน และในยูนีสมารดาของท่าน และบัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีอยู่ในท่าน 6 อันของประทานของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในท่าน โดยที่ข้าพเจ้าได้เอามือวางบนท่านนั้น ขอเตือนว่าท่านจงกระทำให้รุ่งเรืองขึ้น 7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้แก่เรา
คริสเตียนจะรับใช้พระเจ้าอย่างเกิดผลสูงสุด จะต้องรับใช้ตามการทรงเรียกของพระเจ้า ซึ่งสิ่งที่ อ.เปาโลกล่าวถึงทิโมธีในตอนนี้ เป็นการย้ำเตือนทิโมธีให้มีความมั่นใจในการทรงเรียกในชีวิต เพราะความมั่นใจจะทำให้ไม่เกิดการสั่นคลอนในการรับใช้ เมื่อเรามีความมั่นใจเราก็จะทำให้การทรงเรียกสำเร็จในชีวิตของเรา และสิ่งที่พระเจ้าทำให้เกิดกับเรา ที่ทำให้เรามั่นใจในการทรงเรียก คือ
- การสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณ (ข้อ 2-4)
อ.เปาโลเรียกทิโมธีว่า ‘บุตรที่รักของเรา’ และเป็นผู้ที่ทำให้ทิโมธีได้มีโอกาสมารับใช้พระเจ้า รับการสร้างและฝึกฝนชีวิตในทางพระเจ้า (กจ.16:1) ทิโมธี เป็นดังศิษย์คนสนิทที่รับการสอนสร้าง รับคำแนะนำ และเป็นตัวแทนในการทำพระราชกิจเพื่อพระเจ้า ซึ่งการที่พระเจ้าประทานผู้เลี้ยงหรือบิดาฝ่ายวิญญาณให้เช่นนี้ เป็นวิธีการที่พระเจ้าออกแบบเพื่อชีวิตคริสเตียนจะได้รับการสร้างขึ้นในทางของพระองค์ (กจ.9:3-6; กท.1:16-22) และทุกคนจะต้องมีประสบการณ์รับการสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณ เพื่อนำไปสู่การรับใช้ตามการทรงเรียกของพระเจ้า หากเราตระหนักถึงการทรงสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณของเรา เราจะมีความมั่นใจในการทรงเรียก และจะมีกำลังในการทำให้การทรงเรียกนั้นสำเร็จในชีวิตได้
- การเตรียมชีวิตฝ่ายวิญญาณ (ข้อ 5)
ทิโมธีมีคุณยายกับคุณแม่ที่เป็นคริสเตียนและเขารับการสอนตั้งแต่เด็กในทางพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ อ.เปาโลเตือนให้ทิโมธีตระหนักถึงการเตรียมชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ทำให้กลายเป็นผู้รับใช้ที่เกิดผล เป็นชีวิตที่ได้ถูกกำหนดและแต่งตั้งไว้แล้ว (กท.1:15) เช่นเดียวกับ อ.เปาโลที่เกิดในชนชาติยิว เป็นคนเคร่งธรรมบัญญัติ ได้มีโอกาสเรียนพระคัมภีร์ของคนยิวจนมีความชำนาญ เป็นคนเอาจริงเอาจังในความเชื่อ เมื่อรู้จักพระเยซูแล้ว อ.เปาโลจึงเป็นผู้ที่สามารถสอนพระคัมภีร์อย่างลึกซึ้ง เอาจริงเอาจังในการประกาศเรื่องพระเยซู และยืนหยัดต่อสู้เพื่อความเชื่อที่แท้จริง (กจ.9:21-22) การเตรียมชีวิตของพระเจ้าในชีวิตของเราทุกคนเป็นสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจในการทรงเรียกของพระเจ้า ว่าทรงมีแผนการดีเลิศสำหรับชีวิตแต่ละคน และทรงให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นเป็นผลดี (รม.8:28; ยรม.29:11) ตัวอย่าง ผู้รับใช้ที่ถูกเตรียมชีวิต เช่น เยเรมีย์ (ยรม.1:5), ดาวิด (สดด.139:13)
- ของประทานฝ่ายวิญญาณ (ข้อ 6)
อ.เปาโลเตือนทิโมธีให้ระลึกถึงของประทานที่พระเจ้าให้แก่ทิโมธี โดยที่ อ.เปาโลเป็นผู้วางมือ ซึ่งเมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้เรามีส่วนทำอะไร พระองค์ก็ทรงให้ของประทานตามมาด้วย การรับใช้พระเจ้าจึงไม่ใช่การทำด้วยตัวของเราเอง (กจ.1:4-5) ชีวิตคริสเตียนจึงควรจะขวนขวายของประทาน (1คร.14:1) และพัฒนาของประทานที่มีในชีวิตให้เกิดผลเพื่องานพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ของประทานเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่า ความสามารถพิเศษที่ได้รับมาเมื่อเราเชื่อพระเจ้านี้เพื่อเราจะมีส่วนรับใช้ เป็นสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่า พระเจ้าทรงเรียกให้เรามีส่วนร่วมในพระราชกิจของพระองค์
- มีจิตใจฝ่ายวิญญาณ (ข้อ 7)
ภาษาเดิมแปลความถึง จิตวิญญาณของมนุษย์ ที่ไม่ใช่จิตใจฝ่ายธรรมชาติ หรือความคิดของมนุษย์ แต่เป็นผลมาจากพระเจ้าประทานในจิตวิญญาณของเราเป็นจิตวิญญาณใหม่ (1ปต.3:4) จิตใจฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าประทานให้คือ
4.1 จิตใจที่ไม่ขลาดกลัว : ไม่มีความกลัวในการรับใช้พระเจ้า หรือกลัวในการทำการเพื่อพระเจ้า แต่มีความกล้าหาญในการทำการของพระเจ้า (รม.1:16)
4.2 จิตใจที่มีฤทธิ์ : หมายถึง ฤทธิ์เดชที่มาจากพระเจ้าโดยการอัศจรรย์ (กดว.14) พระเจ้าประทานใจกล้าหาญให้ผู้รับใช้พระองค์
4.3 จิตใจที่มีความรัก : เป็นความรักที่ออกมาจากข้างใน (อฟ.5:2) เมื่อมีจิตใจรักห่วงใยคน ก็จะมีภาระใจเพื่อพระราชกิจของพระเจ้า
4.4 จิตใจที่รู้จักบังคับตน : จิตใจที่รู้ว่าอะไรเหมาะสม อะไรควรหรือไม่ควร และสามารถบังคับให้อยู่ในที่เหมาะสมได้ (ทต.1:8)