คำว่า “ครอบครัว” ภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า “FAMILY” ความเป็นครอบครัวนั้น มีความสำคัญมากต่อมนุษย์ ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ได้บอกถึงความจริวเกี่ยวกับครอบครัว ว่า พระเจ้าทรงได้ทรงสถาปนาครอบครัวของมนุษย์ขึ้นในโลกเป็นสถาบันแรก แม้ว่าเป็นหน่วยเล็กที่สุด แต่ มีความสำคัญมากที่สุดในสังคมของมนุษย์ในโลกนี้
ครอบครัวมีความสำคัญมากถึงเพียงนี้ แล้วเราจะสร้างหรือดำเนินชีวิตครอบครัวอย่างไร เพื่อให้ครอบครัวมีความมั่นคง มีความสุขและประสบความสำเร็จ จงระลึกไว้เสมอว่า… “ ไม่มีความสำเร็จใดๆในโลก ชดเชยความล้มเหลวของครอบครัว”
การที่เราจะสร้างครอบครัวให้มั่นคงและมีความสุขได้นั้น มีแนวทางที่สำคัญอยู่ 6 ประการ ที่เราต้องปฏิบัติ ( ขออนุญาตใช้คำภาษาอังกฤษ 6 คำ จากคำว่า “ F A M I L Y ” ซึ่งแปลว่า “ครอบครัว” )
F : Forgiveness ( การยกโทษ) ครอบครัวที่มีมั่นคงและมีความสุข จะต้องมีการยกโทษหรือให้อภัยต่อกันโดยไม่มีเงื่อนไข
การยกโทษให้กันและกันโดยไม่มีเงื่อนไข เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ที่จะดำรงรักษาครอบครัวให้มั่นคง และยั่งยืนนาน มันไม่สำคัญว่า คนอื่นทำผิดต่อเราเรื่องอะไร แต่สำคัญที่ว่า เรายกโทษให้เขาแล้วหรือยัง เพราะเราทุกคนในครอบครัวมีโอกาสทำผิดต่อคนอื่นด้วยกันทั้งนั้น รวมทั้งตัวของเราเองด้วย หากเรายอมยกโทษให้กันในครอบครัวโดยไม่วางเงื่อนไข เราก็จะสามารถตัดความรู้สึกขุ่นเคืองใจหรือความขมขื่นใจออกไปจากชีวิตได้ จิตใจของเราก็จะมีความสงบสุข และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัว ซึ่งจะทำให้บรรยากาศในครอบครัวอบอุ่น น่าอยู่ เป็นเหมือนดังสวรรค์ในบ้าน
พระเยซูคริสต์ ทรงตรัสสอนไว้ว่า ถ้าท่านยกความผิดของเพื่อนมนุษย์ พระเจ้าผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงโปรดยกความผิดของท่านด้วย ดังนั้น ขอให้เราผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน ยกโทษความผิดให้แก่กันและกัน เพื่อ สร้างครอบครัวของเราให้มีความมั่นคงและมีความสุขสงบอย่างแท้จริง
A : Agreement (คำมั่นสัญญา) < อมส.3:3 ; อฟ.5:22-31 ; อฟ.6:1-2 > ครอบครัวที่มีความสุขและมั่นคง จะต้องมีการรักษาคำมั่นสัญญาที่มีต่อกันอย่างซื่อสัตย์
ก่อนแต่งงานและมาเป็นสามีภรรยากัน ทั้งชายและหญิง มักจะมีการให้คำมั่นสัญญาต่อกัน และมีข้อตกลงร่วมกันว่า จะปฏิบัติต่อกันอย่างไรบ้าง โดยบางคู่ก็มีการกล่าวคำมั่นสัญญาต่อกันในวันแต่งงาน
ดังนั้น สามีภรรยาต้องจดจำและปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่มีต่อกันอย่างซื่อสัตย์ เพื่อยืนยันถึงความจริงใจในคำพูด ซึ่งจะทำให้เกิดความไว้วางใจต่อกัน โดยไม่ต้องคอยพะวงหรือหวาดระแวงว่า สามี หรือภรรยาของเราจะนอกใจไปมีคนอื่น ในทำนองเดียวกัน ถ้าพ่อแม่เคยสัญญาอะไรไว้กับลูกๆแล้ว ก็จะต้องรักษาคำมั่นสัญญานั้นด้วย เพื่อทำให้ลูกๆเกิดความมั่นใจ ไว้วางใจและเชื่อถือในตัวของพ่อแม่
หากทุกคนในครอบครัวยึดมั่นและรักษาคำสัญญาที่เคยให้ไว้ต่อกันแล้ว บรรยากาศในครอบครัวก็จะมีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ทำให้ครอบครัวมีความมั่นคงและมีความสุขอย่างแน่นอน
M : Meekness (ความสุภาพอ่อนน้อม) < สดด.37:11 ; มธ.5:5 > ครอบครัวที่มั่นคงและมีความสุข ต้องมีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนต่อกันและกัน
ความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนต่อกันและกันในครอบครัว เป็นสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ที่จะทำให้ครอบครัวมั่นคงและมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้คำพูด ต้องไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเสียงดัง หรือตะคอกใส่กันในครอบครัว แต่พูดกันด้วยความสุภาพอ่อนน้อม และมีความห่วงใยต่อกัน สิ่งนี้ก็จะมีส่วนช่วยสร้างบรรยากาศในครอบครัวให้อบอุ่น สงบสุขและมีความสุข เพราะว่า คำพูดที่อ่อนหวาน ช่วยละลายความโกรธเกี้ยว และวาจาที่แช่มชื่นของพ่อแม่ ก็เพิ่มอำนาจในการสั่งสอนลูก
พระคัมภีร์ กล่าวว่า คนที่ใจอ่อนสุภาพ จะได้แผ่นดินตกไปเป็นมรดก และตัวเขาจะปิติยินดีในความเจริญ อุดมสมบูรณ์ และพระเยซูคริสต์ ได้ตรัสว่า “บุคคลผู้ใดมีใจสุภาพอ่อนโยน ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก” ดังนั้น การแสดงออกด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตาม หากเราใช้ความสุภาพอ่อนโยนต่อกันในครอบครัว ก็จะทำให้ครอบครัวมีความมั่นคงและมีความสุข
I : Intimacy ( ความสนิทสนมอย่างลึกซึ้ง ) < 1 คร.6:17 ; 1คร.7:3-5 ; 1ปต.3:7-8 > ครอบครัวที่มั่นคงและมีความสุข ต้องมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างลึกซึ้ง
สิ่งสำคัญก็คือ พ่อแม่และลูกๆ ต้องมีเวลาให้กันอย่างเพียงพอ ต้องพูดคุยกันและใช้ชีวิตใกล้ชิดผูกพันกันอย่างสนิทสนม มีความห่วงใยและมีความเข้าใจที่ดีต่อกัน มีความปรารถนาอยากให้คนในครอบครัวมีความสุข ความใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างลึกซึ้งในครอบครัวยังเป็นเกราะป้องกันอย่างดีสำหรับลูกๆของเราไม่ให้หันไปหาสิ่งเสพติดหรือสร้างปัญหาแก่สังคม เพราะในทุกวันนี้ ค่านิยมที่ผิดๆ เกิดขึ้นในสังคมมากมาย รวมทั้ง สื่อโฆษณาต่างๆได้โหมกระพือเพื่อหวังผลทางธุรกิจ
ครอบครัวที่ฉลาดต้องพยายามหาโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกันให้มาก มีการใช้เวลาร่วมกัน แบ่งปันกันและกัน มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน เพื่อรักษาครอบครัวไม่ให้หลงไปในกระแสของวัตถุนิยมและค่านิยมของสังคมที่ผิดๆ
ดังนั้น หากครอบครัวของท่านผู้ฟัง สามารถจัดเวลาใกล้ชิดสนิทสนมกัน และ ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสร้างสรรค์เพียงพอแล้ว ก็จะทำให้ครอบครัวของท่านมีความมั่นคงและมีความสุขอย่างแน่นอน
.
L : Love ( ความรัก ) < 1 คร.13:4-8 ; คส.3:14 ; 1 ยน.4:7-8 > ครอบครัวที่มั่นคงและมีความสุข ต้องมีความรักต่อกัน เหมือนดังที่พระเจ้าทรงรักเรา
ความรักแบบที่พระเจ้าทรงรักมนุษย์ คือ สุดยอดแห่งจริยธรรมที่บริสุทธิ์ ทั้งในโลกและในสวรรค์ เพราะเป็นสิ่งพิเศษสุดและเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาที่ยิ่งใหญ่และแสนอัศจรรย์ เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขและยอมสละชีวิตพระเยซูคริสต์ในฐานะพระบุตรเพื่อไถ่บาปแก่มวลมนุษย์ด้วยความสมัครใจและด้วยความเต็มใจ ซึ่งในพระคัมภีร์ ก็ได้สอนให้เรารักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
คุณลักษณะของความรักที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ก็มีบรรยายไว้ในพระคัมภีร์ ว่า….ความรักนั้นก็อดทนนาน และกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด… ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของผู้อื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง ความรักไม่มีวันสูญสิ้น
ถ้าครอบครัวของท่านมีความรักแบบนี้ต่อกัน ก็จะทำให้ครอบครัวมีความมั่นคงและมีความสุข
Y : Yoke ( เทียมแอก ) < มธ.11:29 ; 2 คร.6:14 > ครอบครัวที่มั่นคงและมีความสุข ต้องมีการเทียมแอกด้วยกันอย่างถูกต้องเหมาะสม
โดย มีความเชื่อ นิมิต ทัศนคติ และ เป้าหมายการดำเนินชีวิต ไปในทิศทางเดียวกัน
สามีภรรยาบางคู่ มีความแตกต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านอายุ การศึกษา ภาษา ฐานะ วัฒนธรรมและประเพณี แม้กระทั่งความเชื่อทางศาสนา สิ่งต่างๆเหล่านี้ หลายครั้งก็เป็นปัญหาหรือ เป็นอุปสรรค ที่ ทำให้ไม่สามารถเข้ากันได้ บางคู่ก็เลยต้องเลิกรากันไปอย่างน่าเสียดาย
การเลือกคู่ครองที่จะใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวที่มั่นคงและมีความสุขนั้น เราต้องคำนึงถึง
ความเชื่อทางศาสนา ทัศนคติ และเป้าหมายในการดำเนินชีวิต เป็นสำคัญ รวมทั้ง ควรจะพิจารณาถึง อายุ ความรู้ ภาษา วัฒนธรรมและประเพณี ซึ่งไม่ควรมีความแตกต่างกันมากนัก
ดังนั้น ถ้าเราสามารถเลือกคู่ครองที่ถูกต้องเหมาะสมกับชีวิตของเรา ครอบครัวก็จะมีความมั่นคงและมีความสุขได้เป็นอย่างดี